Page 27 - สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
P. 27

สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมยี นมา 11-17
คอื พทุ ธศาสนา อันเปน็ อัตลักษณ์สำ� คัญของชาวพม่าถูกสัน่ คลอน เมอื่ ชาวพม่าไมส่ ามารถหนั กลบั ไปยดึ
โยงพึ่งพิงกับสถาบันหลักในสมัยโบราณอย่างสถาบันกษัตริย์ได้แล้ว สิ่งท่ีเหลือเพียงอย่างเดียวคือพุทธ
ศาสนาและสถาบันสงฆ์ อันจะพึงยึดไว้เป็นผู้น�ำจิตใจ รักษาคุณค่าและอัตลักษณ์อันภาคภูมิใจ
ของชาวพม่าได้	องค์กรชาตินิยมทางศาสนาและวัฒนธรรมในช่วงแรกคือ “สมาคมชาวพุทธหนุ่ม” หรือ
“ยวุ พทุ ธกิ สมาคม” (Young Men’s Buddhist Association: YMBA) ก่อต้งั ใน ค.ศ. 1906 การรณรงค์
สำ� คญั คอื กรณี “กบฏเกือก” (No Footwear Protest) ต่อตา้ นชาวตะวนั ตกท่ีสวมรองเทา้ เขา้ วดั

       ต่อมานักชาตินิยมชาวพม่าได้แยกตัวออกมาตั้งองค์กรเคล่ือนไหวที่มีลักษณะเป็นองค์กรทาง
การเมอื ง มแี นวทางชาตนิ ยิ มและตอ่ ตา้ นจกั รวรรดนิ ยิ มชดั เจนมากขนึ้ คอื สภาสามญั แหง่ สมาคมชาวพมา่
(The General Council of Burmese Associations: GCBA) พระนักชาตินิยมรูปส�ำคัญ ได้แก่
อูวิสาระ และอูอุตะมะ นักศึกษาปัญญาชนจากมหาวิทยาลัยร่างกุ้งเป็นพลังส�ำคัญในการเคลื่อนไหวทาง
ชาตินิยม การประท้วงของนักศึกษามหาวิทยาลัยร่างกุ้งเริ่มต้นครั้งแรกในปี 1920 ต่อมาในกลางปี 1930
ปัญญาชนนักชาตินิยมได้รวมตัวกันก่อต้ัง “สมาคมเราชาวพม่า” (Dobama Asiayone) มีจุดมุ่งหมาย
ชดั เจนในการทำ� งานทางการเมอื งเพอ่ื ปลดปลอ่ ยพมา่ จากการกดขข่ี ดู รดี และดถู กู เหยยี ดหยามทางวฒั นธรรม
โดยชาวต่างชาติ ขณะเดียวกันในช่วงเวลานี้ยังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายที่กระตุ้นจิตส�ำนึกชาตินิยม
ชาวพม่า อาทิ การจลาจลระหว่างแรงงานอินเดีย-พม่า การจลาจลของชาวจีน การเกิดกบฏสะยาซาน
(Saya San) การลุกฮือของชาวนาในลุ่มอิรวดีต่อต้านอ�ำนาจของอังกฤษ การสไตรค์ใหญ่ของนักศึกษา
มหาวทิ ยาลยั ยา่ งกงุ้ ในปี 1936 ผนู้ ำ� นกั ศกึ ษาชาตนิ ยิ มคนสำ� คญั ในเวลานนั้ คอื คอื อู นุ (U Nu) และออู องซาน
(U Aung San)

       กระแสชาตนิ ยิ มในอนิ เดยี และพมา่ กดดนั ใหอ้ งั กฤษเรม่ิ ปรบั นโยบายใหอ้ ำ� นาจการปกครองแกช่ าว
พนื้ เมอื งในอาณานคิ มมากขน้ึ องั กฤษไดใ้ หพ้ มา่ จดั ตง้ั รฐั บาลในระบบไดยารค์ ี (Dyarchy) ตามรฐั ธรรมนญู
ค.ศ. 1923 ท่กี ำ� หนดให้มีการเลือกตั้งและมอบอ�ำนาจการบริหารประเทศบางสว่ นใหก้ ับคนพ้ืนเมอื ง ต่อมา
ในปี 1937 อังกฤษได้แยกส่วนการปกครองอาณานิคมพม่าออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย ในช่วง
สงครามโลกคร้ังที่ 2 ผู้น�ำชาตินิยมพม่าเห็นช่องทางในการกอบกู้เอกราชจากอังกฤษด้วยการเข้าร่วมกับ
ญ่ีปุน่ นักชาตนิ ิยมจ�ำนวน 30 นาย หรือทรี่ ้จู กั กันในนาม “ตรที ศมติ ร” หรือ “30 วีรชน” น�ำโดย อองซาน
“บิดาแหง่ เอกราชพม่า” ได้ลอบหนอี อกจากพม่า เพ่ือไปฝึกวิชาการทหารกับญีป่ นุ่ ท่ีเกาะไหหลำ�  กล่มุ 30
วรี ชนน้ไี ด้จดั ต้งั กองทพั เอกราชพม่า (Burmese Indepedence Army: BIA) ข้ึน ติดตามกองทพั ญ่ีปุ่น
บกุ เขา้ ยดึ พมา่ จากองั กฤษ อยา่ งไรกต็ ามเมอื่ พบวา่ ญป่ี นุ่ มไิ ดม้ จี ดุ ประสงคใ์ นการจะใหเ้ อกราชแกพ่ มา่ อยา่ ง
แทจ้ รงิ กลุม่ ตะขิ่นและกลุ่มนกั ชาตนิ ยิ มอืน่ ๆ ได้รว่ มกนั วางแผนตอ่ ตา้ นอำ� นาจและขบั ไล่ญ่ปี ุ่น โดยจดั ต้ัง
องคก์ รลบั ขน้ึ มามชี อื่ วา่ “สนั นบิ าตเสรชี นตอ่ ตา้ นฟาสซสิ ต”์ (Anti-Fascist People’s Freedom League:
AFPFL) ใน ค.ศ. 1944 อยา่ งไรก็ตามหลังสงครามโลกครั้งท่ี 2 อังกฤษไดก้ ลับเขา้ มายึดครองพมา่ อีกคร้งั
ทำ� ใหน้ ายพลอองซาน และพรรคสนั นบิ าตเสรชี นตอ่ ตา้ นฟาสซสิ ต์ มบี ทบาทสำ� คญั ในการดำ� เนนิ การรณรงค์
กดดันและเจรจาต่อรองเพื่อให้อังกฤษให้เอกราชแก่พม่า นายพลอองซานและสมาชิกในคณะรัฐมนตรี
   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32