Page 35 - สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
P. 35
สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมา 11-25
ทมี่ โี อกาส และสทิ ธมิ ากกวา่ อาชพี ขา้ ราชการอนื่ ๆ เชน่ ครู พยาบาล ตำ� รวจ เปน็ ตน้ การบวชเปน็ พระเปน็
อีกช่องทางหนึ่งในการที่ผู้ชายจะเลื่อนชนช้ันทางสังคม เนื่องด้วยสถาบันสงฆ์เป็นสถาบันทางสังคมที่มี
สถานภาพสูงยิ่งในสังคมประเทศพม่า เป็นท่ีเคารพนับถืออย่างสูงท้ังในหมู่ประชาชนและชนชั้นน�ำระดับ
ประเทศ ทั้งยังมีอิทธิพลและบทบาทน�ำในทางสังคมและการเมืองในปัจจุบัน ชนชั้นระดับตํ่าสุดของสังคม
พม่า กล่าวคือ เหล่าประชาชนที่ปราศจากหรือมีต้นทุนทางสังคมเพียงน้อยนิดไม่ว่าจะเป็นชาวพม่าหรือ
กล่มุ ชาติพนั ธุก์ ็ตาม การเปลีย่ นแปลงทางเศรษฐกจิ ที่เริ่มเปดิ ประเทศกลับสูร่ ะบบเศรษฐกจิ แบบการตลาด
และโดยเฉพาะอย่างย่ิงการเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบ
ประชาธิปไตยเม่ือต้นปี 2011 เป็นต้นมา ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของกลุ่มชนชั้นกลาง ลูกจ้างพนักงาน
และผปู้ ระกอบการธรุ กจิ ตา่ งๆ ในภาคเอกชนทส่ี ะสมทนุ และดำ� เนนิ กจิ การอยา่ งเปน็ อสิ ระโดยไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ ง
อาศัยการอปุ ถมั ภข์ องกลุม่ ชนชัน้ นำ� เดิม นอกจากนใ้ี นสงั คมพม่ายงั มีสถาบันสำ� คัญๆ อีก ได้แก่
สถาบันสงฆ์ เป็นสถาบันมีความส�ำคัญต่อชีวิตมาตั้งแต่ในอดีต ท้ังในด้านสังคม การเมือง และ
เศรษฐกิจ การท่ีกษัตริย์ตั้งแต่สมัยราชวงศ์พุกามทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก
พระพทุ ธศาสนา ชาวพมา่ ตลอดจนชาวมอญ และชาวฉานสว่ นใหญต่ า่ งกร็ บั นบั ถอื พทุ ธศาสนา มโี ลกทศั น์
ความคิดความเชื่อและวิถีชีวิตอยู่ในครรลองปฏิบัติทางพุทธศาสนาเป็นหลัก จึงเป็นปัจจัยพ้ืนฐานส�ำคัญที่
สง่ ผลใหพ้ ระสงฆเ์ ปน็ หนง่ึ ในสถาบนั สำ� คญั ทางสงั คมของพมา่ สงั คมพมา่ สมยั จารตี หรอื ในสมยั ราชวงศ์ พระ
สงฆ์นอกจากจะมีบทบาทสำ� คญั ในการสงั่ สอนธรรมแก่ผูค้ นและสบื อายุพระพุทธศาสนาแล้ว พระสงฆ์ยังมี
บทบาทหลักในด้านการศึกษาและการถ่ายทอดองค์ความรู้ วัดและพระสงฆ์ตามหมู่บ้านชุมชนต่างๆ เป็น
ประดุจโรงเรียนและครูสอนสั่งเยาวชนให้อ่านออกเขียนได้ พุทธศาสนิกชนส่งบุตรหลานท่ีเป็นชายให้บวช
เรยี น ไมว่ า่ จะเปน็ สามเณรหรอื ภกิ ษุ การบวชยงั คงเปน็ หนา้ ทสี่ ำ� คญั ของชายชาวพมา่ ในการทดแทนพระคณุ
บิดามารดา การด�ำรงสถานภาพภิกษุก็ได้รับข้อยกเว้นจากการเกณฑ์แรงงานและเก็บส่วยอากรจากรัฐใน
สมยั จารตี สถาบนั สงฆย์ งั คงมคี วามสำ� คญั ตอ่ วถิ ชี วี ติ และเปน็ ทเี่ คารพบชู าของพทุ ธศาสนกิ ชนชาวพมา่ ตราบ
จนปจั จุบนั
พระสงฆ์และสถาบันสงฆ์ยังคงมีบทบาทส�ำคัญทางการเมืองในยุคท่ีพม่าเป็นเอกราช เหตุการณ์
ส�ำคัญ อาทิ “การปฏวิ ตั ผิ ้ากาสาวพสั ตร”์ (Saffron Revolution) ในปี 2007 ที่พระสงฆร์ ่วมควํ่าบาตร
ประทว้ งรฐั บาลทหารทขี่ นึ้ คา่ นา้ํ มนั และคา่ ครองชพี ตา่ งๆ หลายเทา่ ตวั จนสง่ ผลกระทบสรา้ งความเดอื ดรอ้ น
แกป่ ระชาชนทวั่ ประเทศ และการเคลอื่ นไหวทางการเมอื งของพระสงฆช์ าตนิ ยิ มกลมุ่ “มะบะ่ ตะ่ ” (Ma Ba Tha)
ในปจั จุบัน
สถาบนั ครอบครวั ครอบครวั โดยทวั่ ไปในปจั จบุ นั มลี กั ษณะเปน็ ครอบครวั เดย่ี ว (Nuclear Family)
มากกว่าที่จะเป็นระบบครอบครัวขยาย (Extended Family) แบบสงั คมจีนหรอื อนิ เดยี ที่มีการอาศัยอยู่
ร่วมกันของเครือญาติสองหรือสามรุ่นขึ้นไป การสืบสายตระกูลเป็นลักษณะการนับญาติสองฝ่าย (Bilat-
eral Descent)37 ระบบชื่อของชาวพมา่ น้นั ไม่มนี ามสกลุ และไมม่ สี ่วนตอ่ ท้าย ซงึ่ มีชอื่ มาจากชอื่ สกลุ ของ
บดิ าหรอื บรรพบรุ ษุ ตามระบบชอ่ื ของชาวรสั เซยี หรอื ชาวอาหรบั (บตุ ร/ธดิ าของ...)38 เปน็ ตน้ ชอื่ ชาวพมา่
37 Ibid., 183.
38 Ibid., 317.