Page 38 - สังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
P. 38

11-28 สงั คมและวัฒนธรรมอาเซียน
       การปกครองในราชส�ำนัก
       กษตั รยิ พ์ มา่ เปน็ ผปู้ กครองสงู สดุ และมอี ำ� นาจเบด็ เสรจ็ ในทางอดุ มคตขิ นุ นางขา้ ราชการในตำ� แหนง่

ต่างๆ จะท�ำหน้าที่ปกครองไพร่ฟ้าราษฎรในนามของพระมหากษัตริย์และด้วยอ�ำนาจท่ีได้มาจาก
พระมหากษัตริย์ อ�ำนาจกษัตริย์ต้ังอยู่บนคติความเช่ือที่ได้รับอิทธิพลมาจากพุทธศาสนาและศาสนา
พราหมณ์ เน้นความศักดิ์สิทธิ์ บุญญาธิการบารมีท่ีได้สั่งสมมา และการปกครองโดยธรรมของพระราชา
สิทธิในการสบื ทอดราชบัลลังก์จะข้นึ อยูก่ ับสายตระกูลเป็นสำ� คญั

       การปกครองส่วนกลาง
       แม้ว่ากษัตริย์จะอยู่ในฐานะผู้ปกครองสูงสุด และมีพระราชอ�ำนาจเด็ดขาด ทรงอยู่สูงสุดของยอด
พีระมิดการบรหิ ารและปกครองบ้านเมือง กษตั ริย์ทรงวา่ ราชการผ่านเหล่าขุนนางเสนาบดีในต�ำแหนง่ กรม
กองตา่ งๆ กษตั รยิ พ์ มา่ ตง้ั แตส่ มยั อาณาจกั รตองอยู คุ ฟน้ื ฟเู ปน็ ตน้ มาจนถงึ อาณาจกั รคองบอง ทรงพยายาม
วางโครงสร้างการบริหารที่ดึงอ�ำนาจเข้าสู่ส่วนกลางมากขึ้น และลดอ�ำนาจของเจ้านายเชื้อพระวงศ์ เพ่ือ
ปอ้ งกนั ปญั หาการแยง่ ชงิ ราชสมบตั ิ ดว้ ยเหตนุ ที้ ำ� ใหข้ นุ นางมบี ทบาทสำ� คญั และมอี ทิ ธพิ ลในราชสำ� นกั พมา่
       ในการปกครองส่วนกลาง กษัตริย์ทรงท�ำการปกครองผ่านสภาส�ำคัญ 2 สภา คือ สภาหลุดดอ
(Hluttaw) หรือเสนาบดีสภา และสภาบะแยได้ (Bye-daik) หรือสภาองมนตรี สภาหลดุ ดอ เป็นสภาท่ี
ปรึกษาราชการแผ่นดินท่ีส�ำคัญท่ีสุด และเป็นดั่งศาลฎีกาชั้นสูงสุดในการวินิจฉัยข้อราชการและตัดสิน
คดีความตา่ งๆ ของราชอาณาจักร	
       สภาหลดุ ดอประกอบดว้ ยอคั รเสนาบดแี ละเสนาบดสี �ำคญั ไดแ้ ก่ อคั รมหาเสนาบดี 4 คน เสนาบดี
ผชู้ ว่ ยอคั รมหาเสนาบดี 4 คน อาลกั ษณ์ 4 คน และเสนาบดตี า่ งพระเนตรพระกรรณกษตั รยิ ์ 4 คน มหี นา้ ท่ี
ทลู เกลา้ ถวายรายงานกิจการในสภาหลุดดอใหก้ ษัตริย์ทรงทราบ พระมหาอุปราชหรือยวุ ราชาทรงเขา้ รว่ ม
ประชุมสภาหลุดดอด้วย ขุนนางเหล่านี้ได้รับการแต่งตั้งจากองค์พระมหากษัตริย์และอยู่ในต�ำแหน่งตราบ
เทา่ ทกี่ ษตั รยิ ท์ รงพอพระทยั สภาหลดุ ดอมกี ารประชมุ วา่ ราชการเปน็ ประจำ� ทกุ วนั การบรหิ ารราชการสว่ นกลาง
ยังได้มีการแบ่งออกเป็นกรมกองต่างๆ ซ่ึงอยู่ภายใต้การก�ำกับดูแลของอัครเสนาบดีประจ�ำสภาหลุดดอ
โดยตรง อาทิ กรมสรรพากร กรมพระราชบรรณาการ กรมคลงั แสงอาวธุ ปนื ไฟ เป็นต้น
       สว่ นสภาบะแยได้ หรอื สภาองคมนตรี มอี ะดวนิ หวนุ่ เปน็ เสนาบดสี ำ� คญั ไมจ่ ำ� กดั จำ� นวน มหี นา้ ท่ี
ถวายคำ� ปรกึ ษาองคพ์ ระมหากษตั รยิ ์ เมือ่ กษัตริยท์ รงมีพระบรมราชโองการใดกจ็ ะรบั ส่ังผา่ น อะดวนิ หวนุ่
โดยมีขุนนางในต�ำแหน่งตั่นดอสิน (Thandawsin) หรือขุนนางผู้ท�ำหน้าท่ีแจ้งข่าว ท�ำหน้าท่ีบันทึกเป็น
ลายลกั ษณอ์ ักษร เปน็ ต้น42
       การปกครองส่วนท้องถิ่น
       สมัยตองอูยุคฟื้นฟูและสมัยคองบองจะแบ่งการปกครองท้องถ่ินออกเป็น 3 ระดับ คือ มณฑล
(Wun) เมือง (Myo) และหมู่บ้าน (Ywa) มณฑลอาจประกอบด้วยเมืองใหญ่เพียงเมืองเดียวในกรณีท่ี
เป็นเมืองสำ� คัญ หรอื เปน็ กลุ่มเมอื งกไ็ ด้ สมัยพระเจ้าปดงุ มีการกำ� หนดมณฑลขนาดใหญ่อยู่ 4 แห่ง ได้แก่

	 42 เรยี บเรยี งจาก Daw Mya Sein. (1973). The Administration of Burma. Singapore: Oxford University Press.
pp. 17-30.
   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43