Page 36 - การศึกษาชีวิตครอบครัวและชุมชน
P. 36

12-24 การศึกษาชีวิตครอบครวั และชุมชน
            เนอื่ งจากเกมคอมพวิ เตอรใ์ นปจั จบุ นั มเี นอ้ื หาหลากหลายมาก บางเกมมลี กั ษณะทส่ี รา้ งสรรค์

ช่วยให้เกิดทักษะในด้านต่างๆ แต่บางเกมจะแสดงออกในลักษณะรุนแรง ป่าเถ่ือน ลามก ขณะเดียวกัน
เกมคอมพิวเตอร์ที่มเี นอื้ หารุนแรงก็ถอื เป็นสื่อบนั เทงิ รปู แบบหน่ึงที่แตกต่างจากส่อื ประเภทอ่นื ๆ ซ่งึ ส่งผล
ตอ่ พฤติกรรมกา้ วรา้ วผา่ นกลไกทางจิตใจตา่ งๆ อาทิ แรงกระต้นุ ทางกาย ความรู้สึกกา้ วรา้ ว และการรบั รู้
ความก้าวร้าว เปน็ ต้น ถงึ แม้ว่าเกมคอมพิวเตอรท์ ีม่ เี นอ้ื หารนุ แรงเป็นตวั กระตุน้ ใหเ้ กิดพฤติกรรมก้าวร้าว
ในระยะส้ัน แต่ก็เป็นการเพิ่มปัจจัยเส่ียงต่อการกระท�ำความรุนแรงขึ้น นอกเหนือจากปัญหาครอบครัว
ปัญหาการคบเพ่ือน ปัญหาทางจิต ฯลฯ (วนิพพล มหาอาชา, 2554, น. 306-310)

2. 	ปัจจัยการเปลี่ยนแปลงด้านสังคมและวัฒนธรรม

       สังคมและวัฒนธรรมของไทยมีการเปล่ียนแปลงตลอดมา จากสังคมเกษตรกรรมมาเป็นสังคม
อตุ สาหกรรม ประกอบกับความกา้ วหน้าทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบัน โดยเฉพาะเทคโนโลยี
ด้านการสื่อสาร อนิ เทอรเ์ นต็ โทรคมนาคม ฯลฯ สง่ ผลใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงอย่างรวดเรว็ อยใู่ นกระแส
โลกาภิวัตน์ ซ่ึงเป็นสภาวะความสัมพันธ์ของโลกปัจจุบันท่ีทุกอย่างเช่ือมต่อถึงกันหมด ผู้คนย้ายถิ่นฐาน
มากขึ้น แตง่ งานข้ามวัฒนธรรมมากข้นึ เกดิ การแพรข่ ยายของสนิ คา้ ท้ังอุปโภคบริโภคไปทกุ พื้นท่ี ทำ� ให้
การเปล่ยี นแปลงดา้ นสังคมและวัฒนธรรมมีผลต่อการสร้างเสริมความเข้มแขง็ ของครอบครัว ดังน้ี

       2.1	 การเปลี่ยนแปลงด้านสังคมและวัฒนธรรมที่สนับสนุนการสร้างเสริมความเข้มแข็งของ
ครอบครัว

            2.1.1	 กระแสวัฒนธรรมโลกส่งผลให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิต การผลิตเพื่อการค้า
สร้างคุณค่าและมูลค่าเพิ่ม และการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายข้อมูลข่าวสาร (สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ
ศศนิ ทรแ์ หง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั และสำ� นกั งานคณะกรรมการพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาต,ิ
2553, น. 3) ท�ำให้ครอบครวั ด�ำเนินชีวติ ประจำ� วันอยา่ งราบรืน่ ดว้ ยเครื่องอำ� นวยความสะดวกต่างๆ การ
เข้าถึงและการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายข้อมูลข่าวสาร เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพ่ือพัฒนาครอบครัว
ตลอดจนการไดบ้ รโิ ภคสินค้าทมี่ คี ณุ ภาพและหลากหลาย เปน็ ธรรม ผา่ นกระบวนการค้มุ ครองผูบ้ รโิ ภค

            2.1.2	 สงั คมยอมรบั บทบาทสตรที เี่ ปลยี่ นแปลงไปมากขน้ึ และรว่ มกนั ตอ่ ตา้ นความรนุ แรง
ในครอบครัว โดยเฉพาะการทส่ี ามถี อื สทิ ธค์ิ วามเปน็ เจา้ ของ เกดิ การทำ� รา้ ยกนั ในครอบครวั ซงึ่ เดมิ สงั คม
มองว่าเป็นปัญหาภายในครอบครัวที่คนภายนอกไม่ควรไปยุ่งเก่ียว ท�ำให้สตรีมีอิสระเลือกในการด�ำเนิน
ชีวิตของตนโดยไม่ต้องกังวลต่อการต�ำหนิติเตียนของสังคมรอบข้าง อาทิ การตัดสินใจท่ีจะเลือกเป็นโสด
หรือหย่าร้างหากไม่ประสบความส�ำเร็จในชีวิตคู่ ซึ่งเป็นผลจากกระแสวัฒนธรรมโลกที่ให้การยอมรับเรื่อง
การหยา่ รา้ งว่าเปน็ เรื่องทอ่ี าจเกดิ ข้ึนได้เปน็ ปกตทิ ั่วไป เชน่ ในสหรฐั อเมริกา เกอื บครึ่งหน่งึ ของคู่แตง่ งาน
ทจ่ี บลงดว้ ยการหยา่ รา้ ง อตั ราการหยา่ รา้ งในสหรฐั อเมรกิ าสงู ทส่ี ดุ ในโลก (Thio & Taylor, 2012, p. 241)
ทั้งน้ี สืบเนื่องมาจากการหย่าร้างเป็นท่ียอมรับในปัจจุบันเทียบกับในอดีตท่ีใครหย่าร้างจะเหมือนมีมลทิน
ตดิ ตวั สำ� หรบั ประเทศไทยพบวา่ ในรอบ 10 ปี ทผ่ี า่ นมา จำ� นวนการหยา่ รา้ งเพม่ิ ขนึ้ 2 เทา่ ตวั จากปี พ.ศ.
2539 มีการหย่า รอ้ ยละ 13 โดยมผี จู้ ดทะเบยี นสมรส 436,831 คู่ หย่า 56,718 คู่ และในปี พ.ศ. 2549 มี
ผูจ้ ดทะเบียนสมรส 347,913 คู่ หย่า 91,155 คู่ ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2555 มผี ู้จดทะเบยี นสมรส 314,333 คู่
   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41