Page 40 - การศึกษาชีวิตครอบครัวและชุมชน
P. 40
12-28 การศึกษาชวี ิตครอบครัวและชมุ ชน
2. เครือข่ายความสัมพันธ์ภายในชุมชนและภายนอกชุมชน
การมีเครือข่ายความสัมพันธ์ดีจะช่วยเพิ่มพลังในการจัดการกับปัญหาขนาดใหญ่หรือมีความ
ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน ส�ำหรับเครือข่ายความสัมพันธ์ภายในชุมชนน้ันจะเกิดจากการที่
สมาชกิ ในชุมชนมคี วามรักใคร่เอื้ออาทร เป็นนา้ํ หนง่ึ ใจเดียวกนั พร้อมทีจ่ ะช่วยเหลือซึง่ กันและกันในยาม
ที่มีปัญหา ส่วนเครือข่ายความสัมพันธ์ภายนอกชุมชนนั้นจะเกิดจากการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง
ชุมชนกับหน่วยงานหรือองค์การภายนอก ส่งผลให้ชุมชนสามารถระดมทรัพยากรและความร่วมมือจาก
ภาคส่วนตา่ งๆ เพื่อเตมิ เตม็ สงิ่ ที่ชุมชนยงั ขาด ทัง้ ในดา้ นความรู้ ทกั ษะทางอาชพี งบประมาณ หรือสิทธิ
อ�ำนาจ (authority) ที่จะท�ำการบางอย่างตามกฎระเบียบซ่ึงเอื้ออ�ำนวยให้การท�ำงานพัฒนาในชุมชน
เปน็ ไปอย่างราบร่นื ในความเหน็ ของ เสรี พงศพ์ ศิ (2553) การสร้างเครอื ข่ายเป็นปัจจยั สำ� คัญทส่ี ดุ ของ
การส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ท้ังน้ีเพราะสมาชิกในเครือข่ายจะมีบทบาทในการท�ำงานร่วมกัน
ตง้ั แตก่ ารกำ� หนดเปา้ ประสงค์ การกำ� หนดกฎเกณฑใ์ นการทำ� งานรว่ มกนั การทำ� ใหท้ กุ ฝา่ ยมสี ว่ นรว่ มอยา่ ง
แทจ้ รงิ ในการดำ� เนนิ งาน ตง้ั แตก่ ารแบง่ บทบาทหนา้ ทแี่ ละการทำ� กจิ กรรมบางอยา่ งรว่ มกนั กจิ กรรมสำ� คญั
ที่เครือข่ายทุกเครือข่ายควรท�ำร่วมกัน คือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและ
ประสบการณ์ จากนน้ั จงึ พฒั นาไปสกู่ ารวางแผนและการทำ� งานรว่ มกนั เพอื่ ใหเ้ กดิ การประสานพลงั (synergy)
ท่ชี ว่ ยเพ่ิมพนู ประสิทธิภาพในการทำ� งาน
3. การมีค่านิยมที่ส่งเสริมการพ่ึงตนเอง
คา่ นิยมท่สี �ำคญั และมผี ลในทางสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การพงึ่ ตนเอง คอื การที่สมาชิกส่วนใหญ่ในชุมชน
มคี วามเชอ่ื มน่ั ในการทำ� งานรว่ มกนั เพอ่ื แกไ้ ขปญั หาหรอื พฒั นาชมุ ชนดว้ ยตนเองแทนการรอคอยความชว่ ยเหลอื
จากภายนอก รวมท้ังมีความต้ังใจอย่างแน่วแน่และเห็นพ้องต้องกันที่จะหาทางแก้ปัญหาของชุมชนด้วย
ตวั เอง ในความเห็นของ ทวีศักด์ิ นพเกสร (2542) สภาวะท่ีกล่าวน้ี คือ ประชาสังคม (civil society)
โดยความเป็นประชาสังคมของสมาชิกจะมีส่วนถักทอความเข้มแข็งให้เกิดข้ึนภายในชุมชน ในชุมชน
ท่ีมีความเป็นประชาสังคมสูง คนในชุมชนจะส�ำนึกว่าตนคือเจ้าของชุมชน และมีเจตจ�ำนงท่ีจะเข้าร่วม
รับผิดชอบปัญหาหรือลงมือแก้ไขปัญหากับฝ่ายต่างๆ รวมทั้งเห็นคุณค่าของความแตกต่างหลากหลาย
ในการทำ� งานรว่ มกัน
4. ความสามารถในการรวมตัวเป็นกลุ่มและการท�ำงานร่วมกัน
การท�ำงานแบบมีส่วนร่วมท่ีเปิดให้โอกาสสมาชิกทุกคนมีส่วนในการตัดสินใจและก�ำหนดปัญหา
ความตอ้ งการของตนเองอยา่ งแทจ้ รงิ ถอื เปน็ การเสรมิ พลงั (empowerment) ทที่ ำ� ใหค้ นในชมุ ชนสามารถ
ก�ำหนดวิถีการด�ำเนินชีวิตได้ด้วยตนเองอย่างมีศักดิ์ศรี ด้วยเหตุน้ีการสร้างเสริมความเข้มแข็งของชุมชน
ใหป้ ระสบความสำ� เรจ็ จงึ ขน้ึ อยกู่ บั ความสามารถของชมุ ชนในการรวมตวั กนั เปน็ กลมุ่ และทำ� งานรว่ มกนั อยา่ ง
เป็นระบบและต่อเน่ือง โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน มีการบริหารจัดการ
ชมุ ชนในลกั ษณะประชาคมทม่ี กี ารรว่ มคดิ รว่ มทำ� รว่ มวางแผนชมุ ชน และมรี ะบบตรวจสอบการดำ� เนนิ งาน