Page 45 - การศึกษาชีวิตครอบครัวและชุมชน
P. 45

การสรา้ งเสริมความเขม้ แขง็ ของครอบครวั และชมุ ชน 12-33
ประจ�ำวันมากเท่าใด ก็ยิ่งท�ำให้เด็กเป็นทุกข์มากยิ่งข้ึน และมีความกดดันในการด�ำเนินชีวิต (Aunola
Tolvanen, Viljaranta, & Nurmi. 2013, p. 456)

       1.3	 การจัดให้มีกิจกรรมร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้นิสัย
ใจคอซงึ่ กนั และกนั การใหค้ วามชว่ ยเหลอื พง่ึ พากนั โดยในชวี ติ ประจำ� วนั อาจจะชว่ ยกนั ทำ� งานบา้ น กวาด
บา้ น ถบู า้ น ทำ� อาหาร ปลกู พชื ผกั สวนครวั สดุ สปั ดาหอ์ าจจะจดั หอ้ ง จดั บา้ น ทำ� อาหารหรอื ขนมเมนใู หมๆ่
การไปเยย่ี มญาติผใู้ หญ่ การไปท�ำบุญท่ีวัด หรอื ถา้ เป็นหน้าเทศกาลตา่ งๆ กม็ ีการไปร่วมกจิ กรรมด้วยกัน
เช่น ไปเวียนเทียน ไปสรงน้ําพระ เล่นน้ําสงกรานต์ หรือไปร่วมงานจิตอาสาของชุมชนร่วมกัน เช่น
ไปกวาดลานวัด ไปเยี่ยมและช่วยดูแลเดก็ หรือคนชรา เป็นตน้

       1.4	 การจัดให้มีเวลาพบปะส่ือสารระหว่างสมาชิกในครอบครัว เนอื่ งจากสภาพสงั คมเปลย่ี นไป
สมาชกิ แตล่ ะคนตา่ งมกี จิ กรรมสว่ นตวั มาก ประกอบกบั การใชเ้ วลาในการเดนิ ทางไปทำ� งานหรอื ไปโรงเรยี น
มากขึ้นกว่าแต่ก่อนจากสภาพของการจราจร อีกท้ังยังมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ท�ำให้แต่ละคนมี
เวลาพบปะเพอ่ื เกดิ การสอื่ สารแลกเปลยี่ น ไดร้ บั รคู้ วามคดิ ความรสู้ กึ หรอื การเปลย่ี นแปลงกนั และกนั นอ้ ย
จึงควรท่จี ะจดั เวลาเพือ่ ใหไ้ ด้ทำ� กิจกรรมรว่ มกันบา้ ง ถึงแมว้ ่าจะมีการส่อื สารกันผ่านทางสื่อออนไลน์ก็ตาม
แตก่ ารได้พบปะสมั ผสั แบบเผชญิ หน้าจะสรา้ งความสัมพนั ธไ์ ด้ลกึ ซึง้ กวา่ ซ่ึงจากผลการวจิ ยั พบว่า เวลาท่ี
วัยรุ่นใช้กับครอบครัวอย่างเหมาะสมเป็นช่วงการรับประทานอาหารร่วมกันกับพ่อแม่ ท�ำให้เกิดสุขภาวะ
ทางอารมณม์ ากขน้ึ (Franko et al., 2008 อ้างถงึ ใน Buehler, 2013, p. 37) นอกจากน้ี เดก็ ชว่ งวัยรุ่น
จะใหค้ วามสำ� คญั กบั พอ่ มาก จากผลการวจิ ยั พบวา่ ถา้ วยั รนุ่ รบั ประทานอาหารเชา้ กบั แมจ่ ะเปน็ เรอ่ื งทเ่ี กดิ
ขึ้นตามปกติ แต่ถ้ามีพ่อมารับประทานด้วยจะท�ำให้สุขภาวะทางอารมณ์ดีมากย่ิงข้ึน (Flouri &
Buchanan, 2003 อ้างถึงใน Buehler, 2013, p. 37) นอกจากนั้น การใช้เวลาว่างท�ำกิจกรรมกับลูก
โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาหจ์ ะไดผ้ ลมากกว่าชว่ งระหวา่ งสปั ดาห์ (Buehler, 2013, p. 36) และวัย
ร่นุ อยากจะใช้เวลาท�ำกจิ กรรมรว่ มกับพ่อแมภ่ ายในบา้ นมากกว่าไปสงั สรรค์นอกบา้ น

2. 	แนวทางการสร้างเสริมการท�ำบทบาทหน้าท่ีของครอบครัว

       เนอื่ งจากครอบครวั เปน็ สถาบนั พน้ื ฐานในการทำ� หนา้ ทหี่ ลอ่ หลอมและขดั เกลาสมาชกิ สสู่ งั คมอยา่ ง
มีคุณภาพ จึงมแี นวทางในการปฏิบตั ิ ดงั น้ี

       2.1	 วธิ กี ารเลย้ี งลกู อยา่ งมคี ณุ ภาพ วรากรณ์ สามโกเศศ (2556, น. 135) ไดเ้ สนอแนะวธิ กี ารเลยี้ งลกู
แบบ TLC กลา่ วคอื ใหก้ ระท�ำต่อลูกโดยใช้ความออ่ นโยน (tender – T) ความรกั ใคร่ (loving – L)
และความห่วงอาทร (care – C) และค�ำนึงถึงหลักสำ� คญั 3 ขอ้ คือ (1) ฝกึ ฝนให้ลกู เป็นคนมวี ินยั ตง้ั แต่
เดก็ โดยตอ้ งเปน็ คนตรงตอ่ เวลา บงั คบั ใจตวั เองไดแ้ ละรกั ษาคำ� พดู (2) ฝกึ ฝนใหล้ กู เปน็ คนมคี วามรบั ผดิ ชอบ
ในเร่ืองต่างๆ อาทิ การท�ำการบ้าน การเข้านอนตรงเวลา เป็นต้น (3) สอนให้ลูกรู้จักชื่นชมในส่ิงท่ีเป็น
คณุ คา่ มากกวา่ มลู คา่ อาทิ ความดี ความซอื่ สตั ย์ ความเชอ่ื ถอื ไวว้ างใจ ความเสยี สละ ความกตญั ญู แทนท่ี
จะช่ืนชมแต่ความม่ังคั่งร่ํารวย หรือให้ความส�ำคัญกับเรื่องเงินทอง ก�ำไรขาดทุนมากเกินไป นอกจากนี้
พอ่ แมต่ อ้ งเป็นแบบอยา่ งท่ีดีในการดแู ลตนเองใหม้ ีสขุ ภาพดี รจู้ ักประหยดั อดออม มีวินัย และใช้คุณธรรม
พื้นฐานในการจัดการดูแลครอบครัวให้ประจักษ์แก่เด็กและสมาชิกในครอบครัวทุกคน ซ่ึงถ้าครอบครัวได้
   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50