Page 32 - อารยธรรมมนุษย์
P. 32

4-22 อารยธรรมมนุษย์
ทกี่ ษตั รยิ เ์ คารพบชู าวา่ เปน็ ประตมิ ากรรมทม่ี ี 2 หนา้ 4 แขน นา่ จะเปน็ พระหรหิ ระ คอื พระนารายณ์ และ
พระอิศวร รวมกันในองค์เดียว ส่วนพุทธศาสนานิกายมหายานก็เป็นศาสนาที่กษัตริย์ทรงให้ความเคารพ
นบั ถอื เชน่ กนั

       ฟนู นั ถอื เปน็ อาณาจกั รทเี่ รอื งอำ� นาจแหง่ แรกในประวตั ศิ าสตรเ์ อเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ แมภ้ ายหลงั
อาณาจักรน้ีจะเสื่อมอ�ำนาจไปช่ือเสียงของอาณาจักรก็ยังเลื่องลือต่อไป26 อาณาจักรฟูนันเจริญรุ่งเรืองอยู่
จนกระทง่ั คริสต์ศตวรรษท่ี 6 จึงเริ่มเสือ่ มอำ� นาจลง ในท้ายทส่ี ดุ ก็ตกอยู่ภายใตก้ ารยึดครองของอาณาจักร
เจนละ ซง่ึ เดิมเป็นประเทศราชขึ้นตอ่ อาณาจักรฟูนัน สันนิษฐานว่าศูนยก์ ลางของอาณาจักรอยแู่ ถบเมอื ง
จ�ำปาศักดท์ิ างตอนกลางของแมน่ �้ำโขง เพราะพบการสรา้ งแทง่ หินขนาดใหญบ่ นเขาทว่ี ัดภู ซ่งึ นักวชิ าการ
ลงความเห็นว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์ หมายถึง ศิวลึงค์ เรื่องราวในยุคเริ่มต้นของอาณาจักรเจนละมาจาก
ต�ำนาน โดยมีเรือ่ งเลา่ ว่าฤๅษกี ัมพกุ ับนางอปั สรเมราเปน็ ตน้ กำ� เนดิ ของราชวงศ์เจนละ

       เจนละไดเ้ จรญิ รงุ่ เรอื งอยรู่ ะยะเวลาหนงึ่ กเ็ กดิ ความแตกแยกเปน็ 2 ฝา่ ย คอื เจนละบกและเจนละนำ�้  
เหตกุ ารณน์ เ้ี กดิ ขน้ึ ระหวา่ ง ค.ศ. 710-715 โดยเจนละบกมศี นู ยก์ ลางอยบู่ รเิ วณตอนใตข้ องลาว และบรเิ วณ
บางสว่ นของภาคอสี านในประเทศไทย ไดม้ อี ำ� นาจอยจู่ นกระทงั่ กลางครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 10 กเ็ ลอื่ มลง เนอื่ งจาก
ขาดผู้สืบทอดราชสมบตั ิ ในขณะท่ีเจนละน้�ำในช่วงตน้ ๆ เปน็ รฐั ทีข่ ึ้นกบั ฟนู นั ในเวลาตอ่ มาเจนละนำ้� กแ็ ยก
ตนเองออกจากฟนู นั และไดต้ งั้ รฐั อสิ ระขนึ้ อกี หลายรฐั เหน็ ไดจ้ ากการตงั้ อนนิ ทติ ปรุ ะ27 ความแตกแยกของ
เจนละทมี่ มี าอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ทำ� ใหใ้ นทา้ ยทส่ี ดุ เจนละตอ้ งตกเปน็ อยภู่ ายใตอ้ ทิ ธพิ ลของชวา ในตอนตน้ ครสิ ต์
ศตวรรษท่ี 9 ชว่ งเวลาดงั กลา่ วถือเป็นจดุ ส้นิ สุดของอาณาจกั รเจนละ

       เขมรสมัยพระนคร เร่ิมต้นเม่ือพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เป็นผู้ประกาศอิสระไม่ข้ึนต่อชวาพรอ้ มกบั
สถาปนาลทั ธเิ ทวราชาขน้ึ เพอ่ื เปน็ การประกาศความเปน็ อสิ ระของอาณาจกั รใหห้ ลดุ พน้ จากอำ� นาจของชวา
เรอื่ งราวของอาณาจกั รในชว่ งตน้ ๆ ไดจ้ ากจารกึ หลกั หนงึ่ ทพี่ บทป่ี ระเทศไทยคอื จารกึ สดก๊ กอ๊ กธม พระเจา้ -
ชัยวรมันที่ 2 ได้สถาปนาอาณาจักรข้ึนที่เมืองอินทรปุระ ซ่ึงน่าจะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของก�ำพงจาม
อารยธรรมเขมรสมัยพระนครได้เจริญรุ่งเรืองติดต่อกันมาหลายร้อยปี และเจริญรุ่งเรืองท่ีสุดเม่ือพระเจ้า-
สุรยิ วรมันท่ี 2 ข้นึ ครองราชย์ (ค.ศ. 1113-1145) โดยขยายอาณาเขต และกอ่ สรา้ งศาสนสถานจ�ำนวนมาก
สิ่งก่อสร้างท่ีมีช่ือเสียงที่สุดคือ ปราสาทนครวัด ถือเป็นปราสาทประจ�ำรัชกาลของพระเจ้าสุริยวรมันท่ี 2
และเป็นท่ีประดิษฐานพระบรมศพหลังจากสวรรคต ปราสาทนครวัดเป็นศาสนสถานท่ีมีความงดงามด้าน
สถาปัตยกรรม และแสดงถึงความผสมผสานอย่างลงตัวทางด้านศาสนา ความเชื่อ ความสามารถในการ
ก่อสรา้ ง และชัยภมู ทิ ่ดี ี

       อาณาจกั รเขมรถกู จามปารกุ รานหลายครงั้ บางคราวกถ็ กู ชาวจามยดึ เมอื งไว้ จนเมอื่ ถงึ สมยั พระ-
เจ้าชัยวรมันท่ี 7 (ค.ศ. 1181-1218) พระองค์ได้ปราบชาวจาม และขับไล่ชาวจามออกจากเมืองได้ส�ำเร็จ
จนเมอื่ บา้ นเมอื งสงบเรยี บรอ้ ย หลงั จากนนั้ กไ็ ดส้ รา้ งเมอื งศรยี โศธรปรุ ะ โดยใหส้ รา้ งกำ� แพงขนาดใหญ่ มปี ระตู
5 แหง่ ให้สรา้ งปราสาทบายนบรเิ วณใจกลางเมืองเพ่อื เปน็ ศนู ย์กลาง ในรชั สมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7

         26 D.G.E. Hall. Ibid. p. 43. 	
         27 อุไรศรี วรศะรนิ . (2545). ประวตั ศิ าสตร์กัมพชู า. ใน ประชมุ อรรถบทเขมร. กรงุ เทพฯ: อมรินทร์พริน้ ติ้ง. น. 61-63.
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37