Page 33 - อารยธรรมมนุษย์
P. 33

อารยธรรมเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ 4-23
ไดม้ กี ารสรา้ งบา้ นมไี ฟ หรอื ทพ่ี กั คนเดนิ ทาง 121 แหง่ รวมทงั้ ยงั ไดส้ รา้ งอโรคยศาลาหรอื โรงพยาบาล 102
แหง่ ทงั้ บา้ นมไี ฟและโรงพยาบาลทไี่ ดก้ อ่ สรา้ งขน้ึ นนั้ อยอู่ าณาบรเิ วณทเ่ี ปน็ ภาคอสี านของประเทศไทยใน
ปจั จบุ นั ดว้ ย ตอ่ มาในชว่ งตอนกลางของครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 14 อาณาจกั รเขมรสมยั พระนครเรม่ิ เขา้ สยู่ คุ เสอ่ื ม

จามปา

       จามปาเปน็ อาณาจกั รของชนชาตจิ าม ในจดหมายเหตจุ นี เรยี กอาณาจักรนีว้ ่า “ลนิ ย”่ี จามปานา่
จะสถาปนาขึ้นในราวช่วงปลายของคริสต์ศตวรรษที่ 2 หลักฐานจากจารึกจามสมัยโบราณท�ำให้ทราบว่า
ชนชาตจิ ามเปน็ เผา่ มลายู28 และจากหลกั ฐานทางโบราณคดที ำ� ใหร้ วู้ า่ ศนู ยก์ ลางของอาณาจกั รนา่ จะตงั้ อยู่
ใกลก้ บั ตอนใต้ของเมอื งเว้ ในมณฑลกวางนาม (Quang-Nam) ประเทศเวยี ดนามในปัจจุบนั

       อาณาจักรจามปาไดร้ บั อิทธิพลจากอารยธรรมอนิ เดีย แม้แตพ่ ระนามของกษัตรยิ ก์ ส็ ะทอ้ นให้เหน็
ถึงความสำ� คัญของอารยธรรมดงั กล่าวในอาณาจกั ร กลา่ วคอื ในช่วงตน้ จดหมายเหตุจีนเรียกกษตั ริย์โดยมี
ค�ำน�ำหน้าช่ือว่า “ฟัน” เหมือนกษัตริย์อาณาจักรฟูนัน ภายหลังเม่ืออารยธรรมอินเดียแพร่เข้ามาแล้วช่ือ
กษัติรย์ท่ีปรากฏในจารึกสันสกฤตจะมีค�ำว่า “วรมัน” ต่อท้าย เห็นได้จากยอร์ช เซเดส์ ท่ีได้กล่าวว่า
จามปาอาจรบั อารยธรรมอนิ เดยี โดยตรงทางทะเล หรอื อาจผา่ นเพอ่ื นบา้ นทไี่ ดร้ บั อารยธรรมอนิ เดยี มากอ่ น
โดยศาสนาพราหมณ์เปน็ ศาสนาสำ� คัญของอาณาจักรตั้งแตเ่ รม่ิ สถาปนาจนถึงกอ่ นคริสตศ์ ตวรรษที่ 10 แต่
หลังคริสต์ศตวรรษท่ี 10 พุทธศาสนาจงึ เริ่มเจริญรงุ่ เรืองในอาณาจกั รจามปา29 แม้วา่ ศาสนาพราหมณจ์ ะมี
ความส�ำคัญในอาณาจักรช่วงแรกก็ตาม แต่ชาวจามก็ไม่มีคติความเชื่อแบบเทวราชาเหมือนในอาณาจักร
ขอม ชาวจามมเี ทพเจา้ ประจำ� อาณาจกั รชอื่ “ภทั รเรศวร” ซง่ึ เปน็ พระศวิ ะปางหนงึ่ สว่ นกษตั รยิ ์ และชนชนั้ สงู
ในราชส�ำนักเคารพบูชาพระศิวะ และพระอุมา ขณะเดียวกันก็เคารพบูชาเทพอีกสององค์คือ พระพรหม
และพระนารายณ์ และเมอื่ กลา่ วถงึ รปู แบบศลิ ปะของชาวจาม กส็ ะทอ้ นใหเ้ หน็ อารยธรรมจากศลิ ปะอนิ เดยี
ในช่วงคริสต์ศตวรรษท่ี 3-6 อย่างชัดเจน แม้ว่าศิลปะจามจะได้รับอิทธิพลอินเดียก็ตาม แต่ก็มีลักษณะ
เฉพาะของตนเอง เนอ่ื งจากไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากศลิ ปะขอม ศลิ ปะอนิ โดนเี ซยี รวมถงึ ศลิ ปะจนี เขา้ มาผสมผสานดว้ ย

       ชาวจามได้ท�ำการรบพุ่งกับจีน รวมท้ังญวน หรือเวียดนาม ซึ่งเป็นกลุ่มคนท่ีได้พยายามขยาย
อทิ ธพิ ลลงไปทางทศิ ใต้ จนชาวจามตอ้ งถอยรน่ ลงไปทางทศิ ใตเ้ รอ่ื ยๆ อาณาจกั รจามปาไมเ่ พยี งแตต่ อ้ งรบ
พงุ่ กบั จนี และญวนเทา่ นน้ั แตต่ อ้ งรบพงุ่ กบั อาณาจกั รเขมรดว้ ย การสรู้ บกบั อาณาจกั รรอบขา้ งของจามปา
เปน็ เหตใุ หอ้ ำ� นาจทางการเมอื งเรมิ่ ออ่ นแอ ตอ่ มากไ็ ดต้ กอยภู่ ายใตก้ ารปกครองของจนี ญวน และเขมร ใน
ท้ายที่สุดอาณาจักรญวนได้ผนวกเอาดินแดนของจามปาเข้าเป็นส่วนหน่ึงใน ค.ศ. 172030 ซ่ึงนับเป็น
ช่วงเวลาสดุ ทา้ ยภายหลังจากทีจ่ ามปาไดร้ บพงุ่ กบั ญวนมากว่า 900 ปี

         28 สภุ ัทรดศิ ดศิ กุล, หมอ่ มเจ้า. (2553). ประวัติศาสตรศ์ ลิ ปะประเทศใกลเ้ คยี ง. กรงุ เทพฯ: มตชิ น. น. 197.	
         29 สุภทั รดิศ ดิศกลุ , หมอ่ มเจา้ . (2549). ประวตั ศิ าสตร์เอเชยี อาคเนย์ ถงึ พ.ศ. 2000. กรงุ เทพฯ: สมาคมประวตั ศิ าสตร์
ในพระบรมราชูปถมั ภ์สมเดจ็ พระเทพฯ. น. 122.	
         30 D.G.E. Hall. Ibid. p. 210.
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38