Page 37 - อารยธรรมมนุษย์
P. 37

อารยธรรมเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ 4-27

มาก อยา่ งไรกด็ ปี ระวตั ศิ าสตรข์ องพกุ ามไดเ้ ดนิ มาถงึ จดุ จบในเวลาเดยี วกนั กบั อาณาจกั รเขมรสมยั พระนคร
เม่ือคนไทเคลื่อนเข้าสู่บริเวณท่ีราบลุ่มของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลักฐานที่ได้จากการบันทึกท�ำให้ได้
ขอ้ มลู วา่ พกุ ามเปน็ เมอื งทอ่ี ยภู่ ายในกำ� แพง กษตั รยิ เ์ ปน็ ชาวพมา่ ทเ่ี ขา้ มาอยใู่ นบรเิ วณแมน่ ำ้� อริ ะวดไี มน่ าน
นกั ซงึ่ บรเิ วณนเ้ี ปน็ ทอี่ ยขู่ องชาวปยู และมอญมานานหลายรอ้ ยปี35 สถปู ทสี่ รา้ งขนึ้ ในสมยั พกุ าม ไดส้ ะทอ้ น
ความม่ังค่ัง และความเล่ือมใสในศาสนาของชาวพุกาม โดยมีสถูปชเวซิกอง และวัดนันทะเป็นเพชรแห่ง
มรดกด้านสถาปัตยกรรมของพุกาม

       กษตั รยิ พ์ มา่ อกี หลายพระองคไ์ ดส้ บื ราชสมบตั ติ อ่ ในบรเิ วณแมน่ ำ�้ อริ ะวดี แตใ่ นปลายครสิ ตศ์ ตวรรษ
ที่ 13 มองโกลได้เขา้ ตีพกุ ามทำ� ใหอ้ าณาจักรเกิดความระสำ�่ ระสาย เหตกุ ารณ์ดังกล่าวเปน็ จุดเริ่มตน้ ทำ� ให้
อาณาจักรส่ันคลอน เม่ือภายหลงั กลมุ่ ไทใหญ่ไดเ้ ข้าบกุ และยดึ พุกามไว้ จากนั้นกไ็ ด้มอี ำ� นาจเหนือดินแดน
ในแถบนี้กว่า 250 ปี โดยในช่วงเวลาหลังจากน้ีอาณาจักรพม่าจะเข้าสู่ช่วงสมัยหลังพุกาม หลังจากท่ี
ไทใหญย่ ดึ พกุ ามไดแ้ ลว้ จงึ สรา้ งเมอื งทพ่ี นิ ยา (Pinya) และเมอื งสะแครง ภายหลงั เมอื งทงั้ สองเกดิ แตกแยก
กัน เป็นเหตุให้ชาวพม่ากลับมาครอบครองได้อีกคร้ัง36 หลังจากนี้ประวัติศาสตร์อาณาจักรพม่าก็เข้าสู่
สมัยอังวะ

       ภายหลงั เมอื่ เมืองสะแครงถูกโจมตพี ่ายไป ในช่วงกลางครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 14 (ค.ศ. 1364) พระเจา้
ธาโดมนิ ไดไ้ ปตง้ั เมอื งหลวงใหมท่ ีก่ รุงองั วะ (Ava) ซง่ึ อยทู่ างตอนใต้ของพมา่ ในระยะแรกดเู หมอื นวา่ เกิด
ความไมช่ ดั เจนวา่ ผปู้ กครององั วะเปน็ ชาวไทใหญ่ หรอื พมา่ สรปุ อาจไมแ่ นช่ ดั แตด่ เู หมอื นวา่ องั วะจะกอ่ สรา้ ง
บ้านเมืองตามแบบจากพุกาม แม้ว่าอังวะจะมีอ�ำนาจอยู่ในแถบน้ีสืบกว่าอีกสองร้อยปีแต่ตลอดระยะเวลา
พมา่ ในสมยั องั วะมกี ารตอ่ สกู้ บั ผรู้ กุ รานประกอบดว้ ย ไทใหญ่ และจนี ในทา้ ยทส่ี ดุ กลมุ่ ไทใหญไ่ ดเ้ ขา้ คกุ คาม
อังวะอีกครั้ง พรอ้ มทง้ั ได้ปล้นสะดมเจดีย์ ฆา่ พระภิกษุ และได้ท�ำลายเอกสารส�ำคญั ขององั วะ ในชว่ งเวลา
นศี้ ูนยก์ ลางอำ� นาจของพม่าไดก้ ่อตวั ขน้ึ อีกครั้งทต่ี องอู บนฝ่งั แมน่ ำ�้ สาละวิน ในช่วงกลางครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี
14 เมอื งตองอมู คี วามเขม้ แขง็ ขน้ึ จงึ สถาปนาตนเองไมข่ น้ึ กบั เมอื งองั วะ แมอ้ งั วะจะพยายามปราบหลายครงั้
แตไ่ มส่ �ำเรจ็ เนอ่ื งจากองั วะต้องสูก้ บั ไทใหญด่ ว้ ย37

เวียดนาม

       เวยี ดนามในอดตี มอี าณาจกั รทช่ี อ่ื เรยี กหลายชอื่ เชน่ นามเวยี ด (Nam Viet) ไดเวยี ด (Dai Viet)
ไดโคเวยี ด (Dai Co Viet) เป็นต้น ผ้คู นในอาณาจักรนส้ี ืบเชอื้ สายมาจากกล่มุ คนทอี่ าศัยอย่ทู างตอนใต้
ของจีน อาณาจักรเวียดนามได้รับวัฒนธรรมโดยตรงจากจีน และอยู่ภายใต้การปกครองของจีนมาต้ังแต่
ก่อนคริสต์ศักราช แม้วา่ จะมีบางชว่ งชาวเวียดนามจะปกครองตนเอง แต่ดูเหมอื นว่าความพยายามในการ
ปลดแอกจากการปกครองของจีนจะไม่ค่อยเป็นผลเน่ืองจากจีนเองก็พยายามท่ีจะเข้าควบคุมอาณาจักร
เวยี ดนามอยเู่ ปน็ ระยะๆ ผลจากการทอ่ี าณาจกั รเวยี ดนามอยภู่ ายใตก้ ารปกครองของจนี ท�ำใหช้ าวเวยี ดนาม

         35 นิโคลาส ทาร์ลง่ิ (บรรณาธิการ). (2552). เรอ่ื งเดยี วกนั . น. 231.	
         36 สมคดิ ศรสี ิงห.์ เร่อื งเดียวกนั . น. 131-132.	
         37 วไิ ลเลขา บรุ ณศริ ิ และสริ ริ ตั น์ เรอื งวงษว์ าร. (2543). ประวตั ศิ าสตรเ์ อเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ 1. กรงุ เทพฯ: สำ� นกั พมิ พ์
มหาวิทยาลัยรามค�ำแหง. น. 191.
   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42