Page 35 - อารยธรรมมนุษย์
P. 35

อารยธรรมเอเชียตะวันออกเฉยี งใต้ 4-25
       อาณาจักรน่านเจ้าได้ก่อตัง้ ข้ึนประมาณครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 8 ทางทศิ ตะวันตก และตะวนั ตกเฉยี ง-
เหนือของแคว้นยูนนาน ในขณะท่ีอาณาจักรศรีเกษตรเร่ิมอ่อนแอลง ในท้ายที่สุดน่านเจ้าก็ได้สร้างความ
เสียหายให้แกอ่ าณาจกั รศรเี กษตรของชาวปยู และมีอำ� นาจแทนศรีเกษตร ในระยะแรกอาณาจกั รน่านเจ้า
ไดส้ ร้างความสัมพันธ์กบั ทเิ บต ภายหลงั จงึ เร่มิ สร้างสมั พันธ์กับจีน ชว่ งตน้ ของการสถาปนาอาณาจักรนั้น
นา่ นเจา้ เขา้ ครอบครองบรเิ วณตอนเหนอื ของพมา่ จากนน้ั จงึ เรม่ิ แผข่ ยายอำ� นาจมาครอบครองบรเิ วณตอน
เหนือของลมุ่ น�้ำอิระวดี ด้วยเหตุดงั กล่าวทำ� ใหอ้ ารยธรรมอนิ เดียเรม่ิ แพร่ไปส่แู คว้นยูนนาน เมอื่ อาณาจักร
น่านเจ้าเริ่มแผ่ขยายอ�ำนาจก็ได้อพยพชาวปยูกว่า 3,000 คนออกจากอาณาจักร พร้อมทั้งมีการอพยพ
ชาวเมอื งแปรออกจากเมืองพกุ ามดว้ ย

ทวารวดี

       ทวารวดเี ปน็ กอ่ รา่ งขนึ้ ในชว่ งราวครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 6-8 ขอ้ มลู เกยี่ วกบั อาณาจกั รทวารวดเี รมิ่ ชดั เจน
ข้นึ เม่อื มีผูเ้ สนอว่า แควน้ โถโลโปติ หรือค�ำทมี่ ีเสยี งคล้ายกนั อย่างจวนโลโปติ ทีพ่ ระภกิ ษุจีน ได้กลา่ ววา่
ต้ังอยู่ระหว่างอาณาจักรพม่า และกัมพูชา ซ่ึงตรงกับค�ำภาษาสันสกฤตว่า “ทวารวดี” หลักฐานเกี่ยวกับ
ทวารวดีทีช่ ัดเจนท่สี ุดคือ เหรยี ญเงิน 2 เหรยี ญ จากแหล่งขดุ คน้ ที่จังหวดั นครปฐม32 ด้านหลงั เหรยี ญทงั้
สองมีตัวอักษรที่สามารถสืบย้อนกลับไปถึงในช่วงคริสต์ศตวรรษท่ี 7-8 โดยได้จารึกข้อความเดียวกันว่า
“ศรที วารวดี ศวรปณุ ยะ” มคี วามหมายว่า “บญุ กศุ ลของพระราชาแห่งศรที วารวดี”33

       ศนู ยก์ ลางของทวารวดอี ยบู่ รเิ วณภาคกลางของไทย แถบจงั หวดั ลพบรุ ี นครปฐม ราชบรุ ี ชยั นาท
นครสวรรค์ และสุพรรณบุรี มีการสันนิษฐานว่าเมืองอู่ทอง และเมืองนครปฐม อาจเคยเป็นราชธานีของ
ทวารวดีอยู่ชั่วระยะเวลาหน่ึงก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังพบโบราณสถานศิลปะแบบทวารวดีในพ้ืนท่ีแถบภาค
ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทงั้ ในจงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ มหาสารคาม ชยั ภมู ิ และนครราชสมี า นอกจากนแี้ ลว้ ทวารวดี
ยังเป็นแคว้นท่ีแสดงถึงอารยธรรมมอญโบราณในประเทศไทย34 เนื่องจากมีการค้นพบจารึกภาษามอญ
โบราณบนเสาหนิ 8 เหลยี่ ม ทจี่ งั หวดั ลพบรุ ี คนในแควน้ สว่ นใหญน่ บั ถอื พทุ ธศาสนานกิ ายหนิ ยาน อยา่ งไร
กต็ ามศาสนาพราหมณก์ ย็ งั มผี นู้ บั ถอื อยบู่ า้ ง พระพทุ ธรปู ในศลิ ปะทวารวดนี นั้ ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากศลิ ปะอนิ เดยี
สมัยคุปตะ และหลังคุปตะ ในปัจจุบันพระพุทธรูปศิลาบางองค์ปรากฏร่องรอยสีแดง ซ่ึงสันนิษฐานว่าใน
ชน้ั ตน้ อาจมกี ารทาสบี นองคพ์ ระพทุ ธรปู นอกจากพระพทุ ธรปู แลว้ ยงั พบโบราณวตั ถอุ นั เนอ่ื งในพทุ ธศาสนา
อนื่ ๆ เช่น ล้อธรรมจกั ร ใบเสมา เปน็ ตน้

         32 Gerard Diffloth. (1984). The Dvaravati Old Mon Language and Nyah Kur. Bangkok: Chulalongkorn
University Printing house. p. 2.	

         33 สุภทั รดศิ ดิศกุล, หม่อมเจา้ . (2549). เรอ่ื งเดียวกนั . น. 21-26.	
         34 Gerard Diffloth. Ibid. pp. 2-3.
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40