Page 37 - การศึกษาชุมชนเพื่อการวิจัยและพัฒนา
P. 37
การศึกษาและวิเคราะหช์ ุมชนเพอ่ื การวจิ ยั การส่อื สารชมุ ชน 3-27
สว่ นแรก เปน็ เครอื่ งมอื ทน่ี กั พฒั นามกั จะใชใ้ นการวจิ ยั ชมุ ชน คอื การทำ� แผนที่ การทำ� ผงั เครอื ญาติ การทำ�
โครงสร้างองค์กรชุมชน ปฏทิ นิ ชุมชน การทำ� ประวตั ศิ าสตรช์ ุมชน-ประวัตศิ าสตรช์ วี ติ ส่วนในชว่ งหลังจะ
เปน็ เครอ่ื งมอื ทหี่ ยบิ ยมื จากการวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพทว่ั ไป ไดแ้ ก่ การสมั ภาษณ์ การสงั เกต เอกสารและการบนั ทกึ
1. การท�ำแผนที่กายภาพ และแผนท่ีเดินดิน
แผนที่ (map) เปน็ เครอื่ งมอื ทช่ี ว่ ยทำ� ใหไ้ ดเ้ หน็ ลกั ษณะของชมุ ชน การตงั้ ถน่ิ ฐาน การใชป้ ระโยชน์
จากท่ีดิน นอกจากนั้น ในปัจจุบันแผนที่โดยเฉพาะในหมู่นักพัฒนายังได้ขยายไปสู่แผนที่ชุมชน (geo-
social mapping) ซึ่งนอกจากจะเห็นลักษณะกายภาพของชุมชนแล้ว ยังเผยให้เห็นความสัมพันธ์ของ
คนในชุมชนได้อกี ดว้ ย
โดยท่ัวไปแผนที่มักจะน�ำมาจากหน่วยงานอ่ืนๆ ท่ีท�ำไว้แล้ว เช่น แผนท่ียุทธศาสตร์ทางทหาร
แผนทขี่ องกรมการปกครอง ภาพถา่ ยทางอากาศ แผนทด่ี าวเทยี ม เปน็ ต้น แตก่ ็จะมขี ้อจำ� กัดบางอยา่ งคอื
อาจไม่ละเอียดมากนัก รวมถึงไม่มีข้อมูลเก่ียวกับคน จึงอาจต้องมีการปรับแต่งเติมเพ่ือให้เข้ากับบริบทท่ี
ศึกษา และน�ำไปสู่การพัฒนาการทำ� แผนทดี่ ้วยผ้วู ิจยั เอง
แผนที่ที่ผู้วิจัยท�ำเอง เป็นแผนที่ท่ีส�ำรวจเองและก�ำหนดจุดด้วยตนเอง จะช่วยให้ผู้วิจัยได้เข้าใจ
ลักษณะชมุ ชนได้อยา่ งดี โยธิน แสวงดี (2548, น. 139-141) ย�ำ้ วา่ แผนท่ที ผี่ วู้ จิ ยั ท�ำน้ัน จะต้องเรมิ่ จาก
การส�ำรวจอาณาเขตของชุมชนก่อน และก�ำหนดจุดหลัก เช่น ที่ตั้งโรงเรียน สถานีอนามัย วัด หมู่บ้าน
การกระจายตวั ของหมู่บา้ น ถนนหนทาง ไร่นา อาณาเขตท่ีตดิ ตอ่ กบั สถานที่ และภมู ปิ ระเทศตา่ งๆ ดอน
หนอง บึง ลำ� ธาร เป็นตน้
นอกเหนือจากการกำ� หนดจุดทางกายภาพแลว้ แผนท่ที ท่ี �ำเองยงั มักจะระบุถงึ พื้นที่ความสมั พันธ์
ของคนในชมุ ชนไดอ้ กี ด้วย การต้ังหมบู่ า้ นทใ่ี กลก้ ันกจ็ ะหมายถึงความสัมพนั ธ์ของคนในชุมชนท่แี นบแนน่
และยังเห็นความสัมพันธ์ของเครือญาติท่ีมักจะอยู่ใกล้กัน การที่หมู่บ้านใกล้น�้ำก็จะแสดงให้เห็นกิจกรรม
ของชาวบา้ นทท่ี ำ� การประมง หรอื บางพน้ื ทใ่ี นชมุ ชนกอ็ าจเปน็ พน้ื ทเี่ ฉพาะของกลมุ่ คนอยา่ งลานซกั ลา้ งเปน็
ของผู้หญิง ร้านเกมเป็นของวัยรุ่น คนยากจนจะอาศัยบริเวณชายขอบของพื้นท่ี ซ่ึงสิ่งเหล่านี้แผนท่ีที่ท�ำ
เองจะชว่ ยบ่งบอกได้
วธิ กี ารด�ำเนินการทำ� แผนทีค่ วรเรม่ิ จากการเดินส�ำรวจสถานที่จรงิ การสอบถามเพิม่ เติม โดยอาจ
ใชเ้ ทคนคิ ดจู ากแผนทจ่ี รงิ กอ่ นเปน็ ตวั ตน้ แลว้ เพมิ่ เตมิ ขอ้ มลู ใหมท่ พี่ บอยา่ งเชน่ บอ่ นำ้� ทแี่ หง้ ขอด ศาลเจา้ พอ่
ในหมบู่ า้ น รวมถงึ กจิ กรรมตา่ งๆ ทพี่ บในพน้ื ทแ่ี ตล่ ะแหง่ ซง่ึ อาจจะทำ� สญั ลกั ษณบ์ นแผนทไ่ี ด้ เชน่ กากบาท
เมอ่ื เหน็ วา่ พน้ื ทเ่ี ปน็ พนื้ ทเี่ สย่ี ง หรอื การทำ� ลกู ศรโยงใยเพอื่ ใหเ้ หน็ ถงึ ความสมั พนั ธข์ องบา้ นแตล่ ะบา้ น หรอื
เชอ่ื มโยงระหวา่ งกลมุ่ วยั รนุ่ กบั พน้ื ทสี่ นามบอล และเมอื่ ทำ� สำ� เรจ็ แลว้ กค็ วรจะสอบถามประชาชนวา่ ถกู ตอ้ ง
หรอื ไม่ และควรเพมิ่ เตมิ อยา่ งไรอกี หรอื ไม่ การทำ� แผนทเี่ ชน่ นี้ จงึ ไดร้ บั การขนานนามวา่ “แผนทเี่ ดนิ ดนิ ”
เพราะเรมิ่ จากการสำ� รวจดว้ ยตนเอง สำ� รวจจากพืน้ ที่จรงิ และไม่เพยี งแตก่ ารแสดงให้เห็นในเชงิ กายภาพ
แต่ขยายไปใหเ้ ห็นมติ ิเชงิ สังคมด้วย