Page 41 - การศึกษาชุมชนเพื่อการวิจัยและพัฒนา
P. 41

เคร่ืองมือการวจิ ยั การสอื่ สารชมุ ชน 6-31

1.	 ความหมาย

       การสังเกต หมายถงึ กระบวนการทนี่ กั วจิ ยั เฝา้ ดสู งิ่ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ทง้ั พฤตกิ รรม ปรากฏการณท์ เี่ กดิ ขนึ้
โดยตรงอย่างเอาใจใส่ โดยไม่มีการควบคุมและไม่ต้องอาศัยสื่อใดไปกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมหรือ
ปรากฏการณใ์ หแ้ สดงออกมา และมกี ารบนั ทกึ ผลการสงั เกตอยา่ งมรี ะบบเปน็ ไปตามระเบยี บวธิ ที กี่ ำ� หนดไว้

2.	 ประเภทของการสังเกต	

       การเก็บขอ้ มูลโดยการสังเกตแบง่ ได้หลายประเภทในเรือ่ งน้จี ะแบ่งเปน็ 2 ประเภท คอื
       2.1	 การสงั เกตแบบมสี ว่ นรว่ ม (participant observation)
       2.2 	การสังเกตแบบไมม่ ีส่วนร่วม (non-participant observation)
       โดยทวั่ ไปแลว้ การวจิ ยั เชิงคุณภาพมกั นิยมใช้การสงั เกตแบบมีส่วนร่วม
       2.1	 การสังเกตแบบมีส่วนร่วม หรือการสังเกตภาคสนาม เปน็ วธิ ีการทผี่ ู้วจิ ัยตอ้ งเขา้ ไปคลกุ คลี
ผู้ใช้ชีวิต เกาะติดกลุ่มคนที่ถูกศึกษา มีการร่วมกระท�ำกิจกรรมด้วยกัน พูดภาษาเหมือนกัน ผู้สังเกตมี
สถานภาพเหมอื นกบั ผทู้ ถี่ กู ศกึ ษา ทำ� กจิ กรรมเหมอื นกนั ทำ� ดว้ ยกนั กลมกลนื ไปตามสภาพการณอ์ ยา่ งเปน็
ธรรมชาติ โดยผู้วิจัยเปน็ คนในคนหนึง่ ของชุมชนน้นั
       2.2	 การสังเกตแบบไม่มีส่วนร่วม เป็นวิธีการที่ผู้วิจัยไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นส่วนหน่ึงของ
ชมุ ชน หรอื กลมุ่ ทที่ ำ� การศกึ ษา เปน็ เพยี งเขา้ ไปเฝา้ ดพู ฤตกิ รรมทางสงั คม การสงั เกตดงั กลา่ วสามารถแบง่
ได้ 3 ชนิด ไดแ้ ก่ 1) การสังเกตอยา่ งมโี ครงสร้าง (structured observation) เปน็ การสงั เกตการณท์ เ่ี ปน็
ระบบ ผูศ้ กึ ษาทราบถึงวตั ถุประสงคข์ องการสังเกตการณ์ จึงมีการเตรียมการสงั เกต เช่น ก�ำหนดประเด็น
หัวข้อ เคา้ โครง ไวล้ ่วงหน้า 2) การสังเกตอยา่ งไม่มีโครงสรา้ ง (unstructured observation) เป็นการ
สงั เกตการณท์ ผี่ ศู้ กึ ษาไมไ่ ดก้ ำ� หนดเคา้ โครงไวล้ ว่ งหนา้ เนอื่ งจากการสงั เกตแบบนเ้ี ปน็ การสงั เกตพฤตกิ รรม
ของมนษุ ยท์ แี่ สดงพฤตกิ รรมตามธรรมชาตใิ นฐานะทเี่ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของสงั คม พฤตกิ รรมทแี่ สดงออกจงึ เปน็
ไปตามเงอ่ื นไขของบุคคลน้นั 3) การสังเกตในหอ้ งปฏบิ ตั ิการ (laboratory observation) เปน็ การสังเกต
ในสถานการณ์ที่ผู้ศึกษาได้ก�ำหนดไว้ อาจจะใช้วิธีการสังเกตผ่านห้องกระจกที่มองด้านเดียว เพ่ือมิให้
ผูถ้ กู สังเกตรูต้ ัว (บำ� เพญ็ เขียวหวาน และคณะ, 2549)

3.	 หลักการสังเกต แบบมีส่วนร่วม (ชาย โพธสิ ติ า, 2549, บุญธรรม กจิ ปรดี าบริสุทธิ,์ 2549) มดี ังนี้

       3.1	 สงั เกตอยา่ งเปน็ ระบบ มขี ้นั ตอน ระเบยี บแบบแผน เครื่องมอื แบบบันทกึ
       3.2 	สงั เกตรายละเอยี ด ใหค้ วามสำ� คญั อยา่ งสงู แกร่ ายละเอยี ดของสง่ิ ทสี่ งั เกต โดยไมใ่ สค่ วามรสู้ กึ
ขอ้ คดิ เหน็ การตคี วามใดๆ ในขณะทส่ี งั เกต แตใ่ หแ้ ยกสว่ นบนั ทกึ ความรสู้ กึ ความคดิ เหน็ และการตคี วาม
ไวต้ ่างหาก เพอ่ื ประโยชน์ในการวเิ คราะห์ข้อมลู
       3.3	ตอ้ งมีจดุ มุง่ หมายในการสังเกตรู้ว่าจะสงั เกต ส่ิงท่ีสงั เกตมลี ักษณะหรอื ความหมายอยา่ งไร
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46