Page 36 - ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
P. 36
๑๒-26 ภาษาไทยเพอ่ื การสอื่ สาร
“มรี ูปเหญี่ยวๆ ตัง้ ตามไตร มุขนา
ทกทีม่ ุมๆ ของ เขตต์นนั้
ป้านลมจบั ๆ ไสว แสวงเหย่อื เย่ยี งเฮย
กระเบ้อื งประดับๆ ถ้วยไสร ้ สบสรรพ”์
นอกเหนือจากน้ี ยงั มกี ารซ�ำ้ ค�ำคำ� เดียวกันทัง้ บท โดยใหม้ ีคำ� ที่ใชซ้ ำ�้ กันบาทละ ๒ คำ� ดังที่เรยี กว่า
“กลบทพวงแกว้ กดุ น่ั ” ดงั ตวั อยา่ งจากเรอื่ งลิลิตตะเลงพ่าย (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๐๓, น. ๓๒) เลน่ คำ�
วา่ “อบ” ดงั น้ี
“อบเชยอบชื่นช้ี เฌอสม ญาฤๅ
อบว่าอรอบรม ร่ืนเร้า
อบเชยพีเ่ ชยชม กล่นิ อบ เฌอนา
อบดั่งอบองคเ์ จ้า จกั ให้เรยี มเชย”
๑.๔ ใช้ค�ำต่างเสียงวรรณยุกต์ ดงั ตวั อยา่ งในเรอ่ื งลิลิตตะเลงพ่าย (กระทรวงศกึ ษาธกิ าร, ๒๕๐๓,
น. ๓๒) วา่ “ขานางนึกคู่คู้ ขาสมร” คำ� วา่ “คคู่ ู้” เปน็ การเล่นคำ� เดยี วกันทม่ี ีเสียงวรรณยกุ ต์ต่างกัน คือ
เสียงโทกับเสยี งตรี “ขานาง” ในทน่ี ้คี อื ขาทั้งคูข่ องนางทค่ี ู้ คือ งอเข้า หมายถึงงอเขา้ หาตวั
นอกจากนี้ ในบทละครเร่ืองรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ตอนท้าว
มาลวี ราชวา่ ความ มบี ทกลา่ วถงึ ทศกณั ฐว์ า่ จะเชญิ ทา้ วมาลวี ราชมาตดั สนิ ความ ดงั น้ี “ทอดกายก่ายคดิ คดไี ป
ระลกึ ได้วา่ องค์อัยกา” (วรรณกรรมสมัยกรงุ ธนบรุ ี เล่ม ๑, ๒๕๓๒, น. ๔๙) และตอนทา้ วมาลีวราชคิดว่า
ทศกณั ฐน์ ่าจะก่อเรอื่ งขน้ึ กอ่ น พระรามจงึ ยกทัพมา ดงั ปรากฏในความว่า “แมน่ มั่นมันท�ำเขากอ่ น เขาจึ่ง
ราญรอนม้วยไหม้” (กรมศิลปากร, วรรณกรรมสมยั กรุงธนบรุ ี เล่ม ๑, ๒๕๓๒, น. ๕๖)
๑.๕ ใช้ค�ำพ้อง มีทัง้ ค�ำพอ้ งรปู และพ้องเสียง ดงั ตวั อยา่ ง
ในเร่ืองอิเหนา พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๒ (๒๕๑๔, น. ๓๑๖) มีการใช้ค�ำพ้องที่เป็นชื่อนกกับ
ชอ่ื ไมแ้ ละโยงมาถงึ อารมณค์ วามรสู้ กึ ของอเิ หนาทคี่ ดิ ถงึ ชายาทง้ั ๓ พฤตกิ รรมของอเิ หนาทจ่ี ากนางทง้ั ๓
มา โยงมายังพฤตกิ รรมของอิเหนาที่เคยมีความสขุ กบั นางทั้งสาม หรือโยงกับคำ� ท่ีอเิ หนาเรยี กนางทั้งสาม
ซ่งึ ไดแ้ ก่ นางจนิ ตะหรา มาหยารัศมี และสการะวาตี ดังน้ี
“วา่ พลางทางชมคณานก โผนผกจับไมอ้ ึงมี่
เบญจวรรณจบั วัลยช์ าลี เหมอื นวันพี่ไกลสามสดุ ามา
นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพแ่ี นบนวลสมรจินตะหรา
จากพรากจับจากจำ� นรรจา เหมือนจากนางสการะวาตี
แขกเต้าจับเต่ารา้ งร้อง เหมือนร้างหอ้ งมาหยารัศมี
นกแก้วจับแกว้ พาที เหมือนแกว้ พที่ ั้งสามสั่งความมา”