Page 31 - ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
P. 31

ศลิ ปะการใชภ้ าษา ๑๒-21
       ๒.๗ 	พูดคุยโดยคิดค�ำใหม่ ๆ ข้ึนใช้ ปัจจุบันวัยรุ่นมักคิดค�ำใหม่ๆ ข้ึนใช้ในการพูดคุย โดยมาก
เป็นคำ� สแลง อาจเปน็ คำ� ทเี่ ดมิ ไมม่ อี ยใู่ นภาษา เชน่ “เจง๋ ” ซง่ึ มคี วามหมายวา่ เยย่ี ม “เชง้ วบั ” ซง่ึ แปลวา่
สวยเดน่ “จุงเบย” ซง่ึ มีความหมายวา่ จังเลย หรือเปน็ คำ� ทส่ี รา้ งจากคำ� เดิมทีม่ ีในภาษา เชน่ “จรา้ ” ซง่ึ มี
ความหมายเหมือนคำ� ว่า “จ้า” คำ� วา่ “ครา่ ” ซึ่งมคี วามหมายเหมอื นคำ� วา่ “ค่ะ”
       ในท่ีนจี้ ะยกตัวอยา่ งค�ำทมี่ ผี ูค้ ิดขึ้นใชอ้ ยา่ งนา่ สนใจ ดังนี้
       ชายคนหนงึ่ ไปดกู ารแขง่ ฟตุ บอล เมอื่ กลบั ถงึ บา้ นแลว้ ไดส้ ง่ ไลนเ์ ลา่ ใหเ้ พอ่ื นๆ ฟงั ตอนหนง่ึ เลา่ วา่

              “นักฟตุ บอลสว่ นใหญเ่ ลน่ ตามกตกิ า แตม่ บี างคนท่ีเล่นตาม “กติกู” ”
       ค�ำว่า “กติก”ู เปน็ ค�ำท่ผี ้เู ขยี นคดิ ขน้ึ ใชใ้ หมอ่ ย่างมศี ิลปะ เปน็ คำ� ท่แี ต่เดิมไม่มใี ช้ในภาษาไทย แต่
เมอ่ื คดิ ขนึ้ ใชก้ ส็ ามารถสอ่ื ความหมายได้ โดยเทยี บกบั ความหมายของคำ� วา่ “กตกิ า” ซง่ึ หมายถงึ กฎเกณฑ์
ที่ต้ังไว้หรือก�ำหนดไว้ แต่ “กติกู” เป็นการเล่นโดยไม่ท�ำตามกฎเกณฑ์ท่ีตั้งไว้ คือ มุ่งท�ำทุกอย่างตาม
ความต้องการของตนเองตามแต่อำ� เภอใจโดยไม่เคารพกตกิ า
       ๒.๘ 	พูดคุยโดยใช้ค�ำให้ภาพ ลกั ษณะเชน่ นเ้ี ป็นการใช้ภาษาทีส่ ร้างสสี นั หรือทำ� ใหม้ ีชวี ติ ชีวาด้วย
การใชค้ �ำนาฏการหรอื คำ� ทีแ่ สดงการเคล่ือนไหวโดยไมต่ ้องใชค้ ำ� เปรียบ เช่น

                “พอหายป่วยก็เดินฉับ ๆ เลยนะ”
                “พอแต้มสีทีป่ ากเข้าหนอ่ ย หน้ากล็ อยเด่นขน้ึ มาทันที”
                “เป็นอะไรถึงไดเ้ ดนิ กะย่องกะแย่งแบบน้ัน”
       ๒.๙ 	พดู คยุ โดยใชค้ ำ� ทเี่ รยี กวา่ ภาพพจน์ ภาพพจนม์ หี ลากหลายชนดิ เปน็ การใชภ้ าษาเปรยี บเทยี บ
เพอ่ื ใหภ้ าพหรอื แสงสเี สยี ง เชน่ อปุ มา อปุ ลกั ษณ์ ปคุ คลวตั สทั พจน์ วภิ าษ อรรถวภิ าษ ดงั เชน่
                “พ่อแมร่ ักลูกปานแก้วตาหรือดวงใจ”
                “เสยี งขลยุ่ ที่ลอยลมมานคี้ ร่�ำครวญหวนละห้อยจริง ๆ”
                “ดวงดาวส่องแสงวับวาว”
                “เสยี งคลน่ื ซัดเข้าชายฝั่งดังครืน ๆ”
       จากท่ีกล่าวมาท�ำให้เห็นว่าการใช้ภาษาอย่างมีศิลปะ นอกจากส่ือสารส�ำคัญได้แล้ว ยังส่ือภาพ
สอ่ื เสยี ง สอื่ อารมณค์ วามรสู้ กึ ใหผ้ รู้ บั สาร ทง้ั ยงั ชว่ ยเสรมิ บคุ ลกิ ภาพของผใู้ ชภ้ าษาวา่ เปน็ ผทู้ รงภมู คิ อื มภี มู ิ
รู้เรือ่ งภาษาเหนอื กวา่ คนอืน่ ๆ เป็นการเสรมิ บุคลิกภาพในมาดนักวิชาการของผูใ้ ช้ภาษาได้เป็นอยา่ งดี
        การใชภ้ าษาอยา่ งมศี ลิ ปะในภาษาพดู ทง้ั การพดู ทเ่ี ปน็ ทางการและการพดู ทไี่ มเ่ ปน็ ทางการตามที่
ได้กล่าวมาน่าจะเป็นตัวอย่างให้แก่นักศึกษาได้ดีพอควร หากนักศึกษาฝึกฝนการใช้ภาษาดังกล่าวก็จะ
สามารถใช้ภาษาอยา่ งมศี ิลปะได้
   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36