Page 23 - สื่อ นวัตกรรม และการวัดและประเมินผล การเรียนรู้วิทยาศาสตร์
P. 23
การสร้างและการตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือวัดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ 13-13
และทักษะกระบวนการและการสืบเสาะทางวิทยาศาสตร์
6. การตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือ
7. การจัดท�ำเคร่ืองมือฉบับสมบูรณ์และคู่มือการใช้เคร่ืองมือ
รายละเอียดแต่ละข้ันตอนมีดังน้ี
2.1 การกำ� หนดวตั ถปุ ระสงคข์ องการสรา้ งเครอื่ งมอื ในการสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั ความรทู้ างวทิ ยาศาสตร์
แต่ละคร้ัง ต้องก�ำหนดวัตถุประสงค์ของการสร้างเครื่องมือวัดให้ชัดเจนว่าต้องการสร้างเครื่องมือวัดความรู้
ทางวิทยาศาสตร์ เพ่ือวัตถุประสงค์ใด เช่น
1) เพื่อตรวจสอบความรู้พ้ืนฐานหรือความรู้เดิมของนักเรียน
2) เพ่ือตรวจสอบความก้าวหน้าในการเรียน
3) เพื่อวินิจฉัยข้อบกพร่องในการเรียน
4) เพื่อตรวจสอบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
5) เพื่อตรวจสอบความสามารถในการคิดของนักเรียน
6) เพื่อคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น
การทราบวัตถุประสงค์ของการสร้างเคร่ืองมือวัดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ จะท�ำให้สามารถก�ำหนด
ลักษณะของข้อสอบ หรือข้อค�ำถามที่จะใช้ได้เหมาะสม เช่น
ถา้ ตอ้ งการวดั ความรพู้ นื้ ฐานทางวทิ ยาศาสตรข์ องนกั เรยี น ขอ้ สอบทใ่ี ชค้ วรถามเฉพาะเนอ้ื หาทจี่ �ำเปน็
ของเรื่องนั้น และข้อสอบไม่ควรยากเกินไป
ถ้าต้องการตรวจสอบความก้าวหน้าในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ข้อสอบท่ีใช้ควรถามเฉพาะเนื้อหา
ที่ได้เรียนได้สอนแต่ละเรื่อง ความยากของข้อสอบข้ึนอยู่กับความยากของเนื้อหาเรื่องท่ีวัด
ถ้าต้องการวินิจฉัยข้อบกพร่องในการเรียนวิทยาศาสตร์ ข้อสอบท่ีใช้จะวัดเน้ือหาแต่ละเร่ือง
อย่างละเอียด ข้อสอบท่ีใช้ส่วนใหญ่จะเป็นข้อสอบที่ง่าย
2.2 การกำ� หนดสง่ิ ทตี่ อ้ งการวดั ขน้ั ตอนนเี้ ปน็ การกำ� หนดและวเิ คราะหส์ ง่ิ ทตี่ อ้ งการวดั วา่ มขี อบเขต
เนื้อสาหาระหรือมีโครงสรา้ งของส่ิงทีต่ ้องการวดั อยา่ งไร ในการวัดความรูท้ างวิทยาศาสตร์เปน็ พฤตกิ รรมดา้ น
พทุ ธพิ สิ ยั พฤตกิ รรมดา้ นพทุ ธพิ สิ ยั ดงั นี้ ซง่ึ การวดั พฤตกิ รรมดา้ นพทุ ธพิ สิ ยั ของบลมู ตามแนวคดิ เดมิ จำ� แนก
ออกเป็น 6 ระดับ ดังน้ี
2.2.1 ความรคู้ วามจ�ำ (Knowledge) หมายถึง ความสามารถทางสมองของผู้เรียนในการรับรู้
(ฟัง/อา่ น) รักษาความรู้ (จ�ำ) และระลึก (ตอบ) ถงึ เรอื่ งราวท่เี คยได้เรียนรูม้ าแล้ว เปน็ ความรทู้ ่ีได้จากการเรียน
การสอนโดยตรง เป็นความรู้ท่ีตรงตามค�ำบรรยาย เอกสารหรือต�ำรา สามารถจ�ำแนกเป็นพฤติกรรมย่อยได้
ดังน้ี
1) ความร้ใู นเนื้อหาเฉพาะ ซ่ึงมีอยู่ 2 ประเภท คือ
(1) ความรเู้ กย่ี วกบั คำ� ศพั ทห์ รอื นยิ ามของคำ� เฉพาะเปน็ การจำ� เกย่ี วกบั คำ� ศพั ทแ์ ละ
ความหมายของคำ� หรอื กลมุ่ คำ� เครอ่ื งหมาย รปู ภาพ ตวั ยอ่ และสญั ลกั ษณต์ า่ ง ๆ ตวั อยา่ งเชน่ บอกความหมาย
ของการสงั เคราะหแ์ สงได้ บอกความหมายของสญั ลักษณใ์ นวทิ ยาศาสตรไ์ ด้ เปน็ ต้น
(2) ความรเู้ กี่ยวกบั ขอ้ เทจ็ จรงิ เปน็ การจำ� ขอ้ ความจรงิ สูตร กฎ ทฤษฎี ตวั อย่าง
เชน่ บอกสตู รคำ� นวณได้ บอกหลักการได้ เปน็ ตน้