Page 16 - การวางแผน การออกแบบ และการผลิตสื่อชุมชน
P. 16

15-6 การวางแผน การออกแบบและการผลติ สื่อชุมชน
       2. 	หน้าที่ของการสื่อสารเพื่อสร้างแรงยึดเหน่ียวร่วมกัน (common attachments) เน่ืองจาก

ชุมชนเป็นพน้ื ท่ีของการรวมตวั กันของปัจเจกบคุ คลทหี่ ลากหลาย ดังนั้น การสอ่ื สารจงึ เปน็ ช่องทางสำ� คญั
ท่ีสร้างแรงยึดเหนี่ยวทางสังคมเอาไว้ เช่น หากปัจเจกบุคคลจะรับรู้ว่าตนเองเป็นสมาชิกท่ีสังกัดในชุมชน
ทอ้ งถิน่ หน่ึงๆ ชมุ ชนนั้นก็จะสร้างส่ือสัญลกั ษณอ์ ยา่ งวดั โบสถ์ หรือมัสยดิ ขน้ึ มาเพอื่ ยดึ โยงใหส้ มาชกิ เกดิ
ความเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั เป็นต้น

       3.	 หนา้ ท่ขี องการส่ือสารเพื่อสร้างความรู้สึกพึ่งพิงกันและกัน (feelings of interdependence)
หรอื อีกนัยหน่ึง การสอื่ สารทำ� หนา้ ท่ีสรา้ งใหส้ มาชกิ รู้สกึ ถงึ การพงึ่ พงิ กนั และกัน ทง้ั นเี้ พราะชุมชนหน่ึงจะ
ดำ� รงอยไู่ ด้ กต็ อ่ เมอื่ สมาชกิ เชอ่ื วา่ ตนตอ้ งพง่ึ พาสมาชกิ คนอน่ื ในขณะทคี่ นอนื่ กต็ อ้ งพงึ่ พาอาศยั เราในทาง
กลบั กนั ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั และกนั เชน่ นจ้ี ะทำ� ใหช้ มุ ชนดำ� เนนิ อยรู่ อดตอ่ ไปได้ เชน่ ในชมุ ชนชาวนา
ส่ือประเพณี “ลงแขก” ในการด�ำนาและเก่ียวข้าว เป็นกุศโลบายที่ท�ำให้ชาวนาต้องพ่ึงพาอาศัยกันเพื่อ
“ชว่ ยแรง” และ “เอาแรง” อันเปน็ การร้อยรัดความเปน็ ชมุ ชนชาวนาเข้าไวด้ ้วยกนั

       4. 	หนา้ ทขี่ องการสอ่ื สารเพอื่ สรา้ งพนั ธสญั ญารว่ มกนั (common commitment) เนอ่ื งจากชมุ ชน
เป็นพ้ืนท่ีท่ีสมาชิกได้ร่วมกันสร้างขึ้นมา ดังน้ัน ชุมชนแต่ละแห่งจึงมักมีพันธสัญญาบางอย่างเพ่ือเป็น
ข้อตกลงร่วมกันระหว่างสมาชิก ซึ่งอาจปรากฏออกมาในรูปแบบของกฎเกณฑ์ กฎหมาย จารีต
ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี บรรทดั ฐาน และวตั รปฏบิ ตั ติ า่ งๆ เชน่ การใชส้ อ่ื บคุ คลอยา่ งครู พระ ปญั ญาชน
ท้องถิน่ เพ่ืออบรมสง่ั สอน (socialisation) ใหส้ มาชิกอยใู่ นกฎระเบียบและพันธสญั ญาของชุมชน

       5. 	หนา้ ทข่ี องการสอ่ื สารเพื่อสร้างความจงรักภักดีและอัตลักษณ์ภายในกลุ่มสังคม (loyalty and
identity within a social group) เพอื่ จะทำ� ใหส้ มาชกิ เกดิ ความรสู้ กึ วา่ เปน็ เจา้ ของ (sense of belonging)
ตอ่ ชมุ ชนทต่ี นเองสงั กดั อยู่ การสอื่ สารจงึ เปน็ อกี กลไกหนง่ึ ทท่ี ำ� ใหเ้ ราเกดิ ความจงรกั ภกั ดตี อ่ ชมุ ชน และกอ่
รูปก่อร่างอัตลักษณ์ตัวตนบางอย่าง เพื่อบ่งนัยว่าเราเป็นส่วนหน่ึงของชุมชนน้ันๆ ดังตัวอย่างกรณีของ
ชมุ ชนแฟนสโมสรฟตุ บอล อนั เปน็ การรวมตวั กนั ของผรู้ บั สารทส่ี นใจและเกดิ ความรสู้ กึ จงรกั ภกั ดตี อ่ สโมสร
ฟุตบอล ซึ่งสื่อสารแสดงออกผ่านการสวมเส้ือสีสันและลวดลายเดียวกับนักเตะในสโมสรของตน การทาสี
หนา้ ตาเปน็ โลโกส้ โมสรเมอื่ มาเชยี รฟ์ ตุ บอลรว่ มกนั ในสนาม การใชส้ อ่ื เคลอื่ นทข่ี นาดเลก็ อยา่ งสตกิ๊ เกอรต์ ดิ
ไวท้ ่กี ระจกหลังของรถยนต์ เปน็ ตน้

       6. หน้าทข่ี องการสือ่ สารเพื่อสร้างลักษณะท่ีเป็นหนึ่งเดียว (homogeneity) เป้าหมายสูงสุดของ
การกอ่ รูปชมุ ชนหนง่ึ ๆ กเ็ พื่อทำ� ให้สมาชกิ ท่ีหลากหลายเกิดลกั ษณะทเ่ี ป็นหน่งึ เดยี ว โดยมกี ารส่อื สารเป็น
เครอื่ งมอื เพอื่ ให้บรรลเุ ปา้ หมายนั้น เพราะฉะนัน้ การที่บุคคลหน่ึงจะบอกได้ว่าตนเปน็ คนบา้ นใด เมอื งใด
สงั กดั กลมุ่ วฒั นธรรมหรอื กลมุ่ วฒั นธรรมยอ่ ยแบบใด เขากต็ อ้ งรรู้ หสั (code) ทจ่ี ะสอ่ื สารกบั สมาชกิ คนอน่ื ๆ
ทอี่ ยใู่ นชมุ ชนเดยี วกนั ตวั อยา่ งเชน่ ในกรณขี องชมุ ชนหมบู่ า้ นดง้ั เดมิ การสอื่ สารจะถกู ใชเ้ ปน็ เครอ่ื งมอื เพอ่ื
กระชบั สายสมั พนั ธ์ใหเ้ กดิ ความรู้สึกใกลช้ ดิ กันเป็นเครอื ญาติ เปน็ เพ่ือนบ้าน หรอื เปน็ “คนบ้านเดยี วกนั ”
(คลา้ ยๆ กบั บทเพลง คนบา้ นเดียวกัน ของ ไผ่ พงศธร ท่ีวา่ “คนบา้ นเดียวกนั แค่มองตากันก็เขา้ ใจอยู่
รวู้ ่าเหนอื่ ยแคไ่ หน วา่ หนักแคไ่ หนบนหนทางสู้...”)
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21