Page 51 - พื้นฐานสังคมเเละวัฒนธรรมเขมร
P. 51

ประวตั ศิ าสตร์ 2-41

ยูนนาน (Osborne, 1996) ในปีเดียวกันนั้นเองราชการอาณานิคมฝร่ังเศสก็ย้ายเมืองหลวงของกัมพูชา
ลงมาอยู่ทีพ่ นมเปญ (Osborne, 2008: 55-58) ซ่งึ เป็นจดุ ยทุ ธศาสตร์สาคัญท่ีสามารถควบคุมการเดินทาง
ในแมน่ ้าโขงไดด้ กี ว่าเมอื งหลวงเกา่ ที่อดุ งค์

       ในทศวรรษที่ 1870 เม่ือคณะสารวจหลายชุดพบว่าแม่น้าโขงไม่เหมาะท่ีจะใช้เป็นเส้นทางไปสู่
ทางใตข้ องจีน ฝรงั่ เศสก็หมดความสนใจในการสารวจแม่น้าโขงและใหค้ วามสนใจกบั การปกครองกมั พชู า
มากขึ้น ฝร่ังเศสเร่ิมดาเนินความพยายามในการลดอานาจของสมเด็จพระนโรดมเพื่อเปิดทางให้แก่
แผนการปฏิรูป อันได้แก่ ระบบกรรมสิทธ์ิที่ดิน การเลิกทาส การปรับโครงสร้างทางกฎหมายและการ
บริหาร การลดการใช้จา่ ยของกษตั ริย์และขุนนางและนาเงนิ ดังกล่าวไปใชเ้ ปน็ รายจ่ายของแผ่นดิน (แชนด์
เลอร์, 2557: 215) การปฏิเสธและขัดขวางอย่างแข็งขันแต่ไม่หักหาญซึ่งหน้าของสมเด็จพระนโรดมและ
กบฏท่ีเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างย่ิงกบฏท่ีเร่ิมใน ค.ศ. 1875 ที่นาโดยพระองค์เจ้าวัตถาผู้พ่ายแพ้ใน
การแย่งชงิ อานาจกับสมเดจ็ พระนโรดมในตน้ ทศวรรษที่ 1860 ทาให้การปฏิรปู ยงั ไม่สามารถเกิดขน้ึ ได้

2. การต่อต้านและการประนปี ระนอม

       ในทศวรรษท่ี 1880 นโยบายของรัฐบาลฝร่ังเศสที่ปารีสที่มีต่อกัมพูชาและอาณานิคมอื่นๆ
ก้าวร้าวมากข้ึน ฝร่ังเศสบังคับให้สมเด็จพระนโรดมลงนามในสนธิสัญญา ค.ศ. 1884 ซึ่งกาหนดให้มี
การปฏิรูปด้านการบริหาร การศาล การคลัง และการค้า รัฐบาลฝร่ังเศสพิจารณาว่าเป็นประโยชน์ต่อ
ความสาเร็จของกัมพูชาในอารักขา แต่ยังคงยอมรับว่าพระเจ้ากรุงกัมพูชายังคงเป็นผู้ปกครองรัฐและ
ถืออานาจในการบริหาร เว้นแต่ในส่วนท่ีกาหนดไว้เป็นอย่างอื่นในสนธิสัญญาที่ตามมาหลังจากนั้นคือ
แผนปฏิรูปของราชการอาณานิคม ท่ีสาคัญคือการแต่งต้ังข้าหลวงฝร่ังเศสไปประจาการในหัวเมือง
การยกเลิกทาส และการวางระบบกรรมสิทธิ์ท่ีดิน อันเป็นการลิดรอนอานาจของกษัตริย์ เจ้านาย และ
ขุนนาง และใน ค.ศ. 1885 เจ้านายและขุนนางกก็ ่อกบฏขน้ึ อยา่ งกวา้ งขวางท่ัวท้งั กมั พชู า ราชการอาณา-
นิคมฝร่ังเศสเช่ือว่าสมเด็จพระนโรดมสนับสนุนกบฏบางกลุ่มด้วย กบฏครั้งใหญ่ในกัมพูชาสิ้นสุดลง
ใน ค.ศ. 1886 เมื่อราชการอาณานคิ มยอมประนปี ระนอมกบั ราชสานกั และเหล่าขุนนาง (Osborne, 1969:
206-230; Tully, 2002: 83-100)

       ราชการอาณานิคมยังไม่ละความพยายามท่ีจะปฏริ ูปหากแต่เปล่ียนมาดาเนินการอย่างค่อยเปน็
ค่อยไป ไม่ว่าจะเปน็ การบังคับใช้สนธสิ ัญญา ค.ศ. 1884 เพียงบางมาตรา แล้วใช้วิธีการกระชับอานาจให้
ม่นั เขา้ ด้วยการปลูกฝังความภักดีต่อราชการอาณานิคมขนึ้ ในหมูเ่ จ้านายและขุนนางเขมร และแต่งตง้ั คน
เหลา่ น้นั ให้ดารงตาแหน่งราชการสาคญั รวมไปถึงการค่อยๆ ลดิ รอนอานาจของสมเด็จพระนโรดมลงทลี ะ
น้อย ไม่ว่าจะเป็นการดึงอานาจการจดั เก็บภาษีมาอยู่ทรี่ าชการอาณานิคม หรือการดึงอานาจการตัดสินใจ
ในการบริหารราชการมาไว้ที่เสนาบดีสภาซึ่งมีข้าหลวงสูงสุดเป็นผู้ดูแล (ธิบดี บัวคาศรี, 2558: 72-74)
   46   47   48   49   50   51   52   53   54   55   56