Page 60 - สื่อศึกษา
P. 60

14-50 สอ่ื ศกึ ษา
หลากหลายทางเพศ ดังจะเห็นได้จากงานวิจัยที่เก่ียวกับผู้มีความหลากหลายทางเพศและส่ือ มักจะถูก
ศกึ ษาในบรบิ ทของสอื่ ออนไลนม์ ากกวา่ สอื่ กระแสหลกั ทอ่ี ตั ลกั ษณข์ องผมู้ คี วามหลากหลายทางเพศถกู นำ�
เสนอในแง่ลบและถกู ผลติ ซำ้� ให้เป็นตวั ตลก

       ในงานวิจัยของ ธีระ บุษบกแก้ว (2553) ท่ีศึกษากลวิธีทางภาษากับการน�ำเสนออัตลักษณ์ของ
ตนเองโดยกลมุ่ “เกยอ์ อนไลน”์ ชใี้ หเ้ หน็ วา่ กลมุ่ เกยใ์ ชส้ อ่ื ออนไลนเ์ ปน็ พน้ื ทใี่ นการแสดงตวั ตนของตนเอง
โดยธรี ะสนใจการสรา้ งอตั ลกั ษณข์ องเกย์ ทนี่ ำ� เสนอผา่ นวาทกรรมของกลมุ่ “เกยอ์ อนไลน”์ และกลวธิ ที าง
ภาษาทใี่ ชส้ อื่ อตั ลกั ษณด์ งั กลา่ ว โดยศกึ ษาจากบทความและคอลมั นท์ ม่ี เี นอ้ื หาเกยี่ วกบั เกยแ์ ละผเู้ ขยี นเปน็
เกย์ ผลการวจิ ัยพบวา่ กลวิธีทางภาษาทกี่ ลุ่ม “เกยอ์ อนไลน”์ ใชส้ ่อื อัตลกั ษณข์ องตนเอง กลวธิ ีทางภาษา
ใชเ้ พอ่ื นำ� เสนออตั ลกั ษณข์ องเกยต์ อ่ สาธารณชน 8 ประเดน็ ไดแ้ ก่ 1) เกยเ์ ปน็ คนปกติ และมวี ถิ ชี วี ติ เหมอื น
คนทั่วไป 2) เกย์สว่ นใหญ่มพี ฤติกรรมของเพศชาย 3) เกย์ไม่ไดห้ มกมนุ่ เร่ืองเพศ 4) เกยไ์ มใ่ ช่ผูป้ ว่ ยโรค
หรอื อาการทางจติ แตเ่ ปน็ ความรสู้ กึ หรอื ตวั ตนทแี่ ทจ้ รงิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติ 5) เกยเ์ ปน็ กลมุ่ คนทต่ี กอยู่
ในความกลวั และเกยผ์ ยู้ อมรบั และเปดิ เผยตนเองเปน็ ผทู้ ม่ี คี วามกลา้ 6) เกยเ์ ปน็ ผโู้ หยหาความรกั 7) เกย์
เป็นคนท่อี บอนุ่ มีนำ�้ ใจต่อผู้อนื่ โดยเฉพาะตอ่ เกย์ดว้ ยกนั 8) เกย์คือ “ของปลอม” เกยเ์ ปน็ คนทม่ี คี วาม
ผดิ และเกยห์ มกมนุ่ เรอ่ื งเพศ นอกจากนนั้ แลว้ ธรี ะ ยงั ตง้ั ขอ้ สงั เกตวา่ อตั ลกั ษณเ์ กยท์ นี่ ำ� เสนอในบทความ
ดงั กลา่ วเป็นภาพด้านบวกเก่ยี วกบั ตนเอง อย่างไรกต็ าม กลวธิ ที างภาษาท่กี ลุม่ เกยอ์ อนไลน์ใช้กแ็ สดงให้
เหน็ วา่  เกยย์ งั มคี วามคดิ ดา้ นลบตอ่ ตนเองแฝงอยู่ แสดงนยั วา่ การสรา้ งอตั ลกั ษณข์ องเกยย์ งั คงไดร้ บั อทิ ธพิ ล
จากสงั คม

       สังคมไทยยังไม่เปิดกว้างส�ำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศมากนัก ท�ำให้พวกเขาไม่สามารถ
เปดิ เผยตวั ตนในทส่ี าธารณะได้ พวกเขาจงึ ตอ้ งหาทางทจ่ี ะแสดงอตั ลกั ษณอ์ อกมาผา่ นการบรโิ ภค การแตง่ กาย
การทำ� งาน ซึ่งหากขยายความหมายของส่ือออกไปตามทศั นะของทฤษฎีกลุม่ วฒั นธรรมศึกษาที่ใชเ้ กณฑ์
ตามทฤษฎีสัญวทิ ยา (Semiology) มานิยามความเปน็ สอ่ื วา่ อะไรก็ตามทม่ี คี วามหมายมากไปกวา่ ตัวมัน
เอง กจ็ ะพบวา่ “สอ่ื ” ทผ่ี มู้ คี วามหลากหลายทางเพศนน้ั มลี กั ษณะเปน็ สญั ญะ ทใ่ี ชใ้ นการสอื่ สารอตั ลกั ษณ์
หรอื ตวั ตนของตนเอง เชน่ การแตง่ กาย ดงั งานวจิ ยั ของ ธดิ ารตั น์ พทุ ธอาสน์ (2551) ทศ่ี กึ ษากระบวนการ
ออกแบบเครอ่ื งแตง่ กายทส่ี ะทอ้ นอตั ลกั ษณเ์ กย์ พบวา่ ถงึ แมก้ ารแตง่ กายของเกยจ์ ะมลี กั ษณะเหมอื นผชู้ าย
แต่พวกเขาก็พยายามสร้างความแตกต่างเพ่ือบ่งบอกถึงตัวตนและรสนิยมของตนเอง และเพ่ือสร้างความ
แตกต่างระหว่างกลุ่มเกย์ของตนเองออกจากผู้ชายและผู้หญิงได้ เช่น การติดเข็มกลัดท่ีระยิบระยับ การ
สวมเสื้อลายกราฟิก

       ในงานศึกษาของ จามีกร รอดพวง (2559) ทศ่ี ึกษาการสรา้ งอัตลกั ษณแ์ ละการชว่ งชิงพนื้ ท่ีทาง
สงั คมของกลมุ่ ชายรกั ชายผา่ นการฟงั เพลง โดยไปสงั เกตการณแ์ บบมสี ว่ นรว่ มในสถานบนั เทงิ เฉพาะกลมุ่
ชายรักชายจ�ำนวน 2 แหง่ ในยา่ นสลี มและงานสังสรรค์ทีเ่ ปลี่ยนสถานทจี่ ดั ไปเรือ่ ยๆ ซึง่ เป็นศนู ย์รวมของ
กลมุ่ ชายรกั ชายทจ่ี ะมาสงั สรรคใ์ นเวลากลางคนื เพอ่ื ฟงั เพลง และพบปะพดู คยุ กนั ชใ้ี หเ้ หน็ วา่ กลมุ่ ผมู้ คี วาม
หลากหลายทางเพศหรอื ในทน่ี คี้ อื กลมุ่ เกย์ ใชก้ ารบรโิ ภคหรอื การฟงั เพลงในการแสดงอตั ลกั ษณข์ องตนเอง
ออกมา ผลวิจัยพบว่า เกย์ช่ืนชอบศิลปินหญิง ท�ำนอง และเน้ือร้อง มาเป็นล�ำดับ และมักจะเลียนแบบ
บคุ ลกิ ของศลิ ปินนนั้ ๆ ซ่ึงส่วนใหญเ่ ปน็ ศลิ ปินหญงิ ระดบั ดวี า (Diva) คือ มีจรติ เกินผูห้ ญิง มชี อ่ื เสียง และ
มีความม่ันใจมาก เพื่อแสดงอัตลักษณ์ของเกย์ผ่านคุณสมบัติดังกล่าว ส่วนท�ำนองเพลงที่สนุกสนานจะ
   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65