Page 32 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 32
1-22 ทฤษฎีและการวจิ ารณ์ภาพยนตร์
6. การแสดงออกซงึ่ อารมณท์ เี่ ปน็ ศลิ ปะ ไมใ่ ชก่ ารสารภาพหรอื เปดิ เผยอารมณส์ ว่ นตวั ตอ่ ใครคนใด
แตก่ ารแสดงอารมณน์ ้นั ตอ้ งเป็นสากล เพ่อื คนสว่ นใหญ่ และมีลกั ษณะอหังการ (egoistic)
จุดเด่นของศิลปะประเภทแสดงออกซง่ึ อารมณอ์ ยทู่ รี่ ปู ทรงและเน้อื หาของศลิ ปะ ถอื ว่าสำ� คญั ด้วย
กนั ท้งั คู่ จะมีเฉพาะสง่ิ ใดสงิ่ หนง่ึ เพยี งสิง่ เดียวเทา่ นัน้ ไม่ได้ คุณค่าทางดา้ นสุนทรยี ะของศิลปะ จึงเกดิ จาก
การผสมกลมกลนื กันระหวา่ งเนอื้ หาและรูปทรง
ถงึ ตรงนี้ ศลิ ปะคอื อะไร เรากย็ งั หาค�ำตอบไมไ่ ด้ แตก่ ารคน้ ควา้ หาความหมายของศลิ ปะ และการ
ถกเถยี งปัญหาทางสุนทรยี ศาสตรข์ องผ้รู ูท้ างด้านศิลปะและความงามก็ยังคงด�ำเนินต่อไป ตั้งแตต่ น้ ครสิ ต์
ศตวรรษท่ี 20 เป็นต้นมา ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นในวงการศิลปกรรมของยุโรป รวมท้ังมีการค้นคว้าทาง
วทิ ยาศาสตรอ์ กี มากมายหลายอยา่ ง ซงึ่ รวมทงั้ การคน้ ควา้ ทางการถา่ ยภาพ (photography) และภาพยนตร์
(cinematography) โดยเฉพาะทางด้านภาพยนตร์ ซ่ึงได้เข้ามามีบทบาทต่องานวิจิตรศิลป์เป็นอันมาก
จนกระทั่งท�ำให้ภาพยนตร์ได้รับขนานนามว่าเป็น “ศิลปะแขนงที่เจ็ด” ถึงแม้ว่าจะมีบางคนยังท้วงติงว่า
ภาพยนตร์เป็นเพียงผลิตผลทางวิทยาศาสตร์อยู่ก็ตาม แต่ภาพยนตร์ในความหมายของศิลปะ นับเป็น
ปรากฏการณใ์ หมท่ างศลิ ปะทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ งานวจิ ติ รศลิ ป์ และมอี ทิ ธพิ ลตอ่ ชวี ติ ของผคู้ นจำ� นวนมาก กระทง่ั
เกดิ การยอมรับท่ัวไปว่า ภาพยนตรม์ ีความส�ำคัญไม่ยง่ิ หยอ่ นไปกวา่ จิตรกรรม ประตมิ ากรรม หรอื ศลิ ปะ
แขนงอนื่
กิจกรรม 1.1.3
1. ลักษณะของภาพวาดในกลุ่มลัทธอิ ิมเพรสชันนิสมแ์ บบฝรัง่ เศสเปน็ อยา่ งไร
2. รปู ทรง (form) ตามทฤษฎรี ูปทรงเกิดจากอะไร
3. จดุ เดน่ ของศิลปะประเภทแสดงออกซ่ึงอารมณ์คืออะไร
แนวตอบกิจกรรม 1.1.3
1. เนน้ สีสันและรูปคลน่ื ของแสงและเงาใหบ้ ดิ เบือนไป เหมอื นกบั การเคลอ่ื นที่ของดวงอาทติ ย์
2. รปู ทรงเกิดจากการรวมตัวกันขององค์ประกอบทางศิลปะอย่างเปน็ ระบบและมเี อกภาพ
3. รปู ทรงและเนือ้ หา โดยถือว่ามีความส�ำคัญทัง้ ค่แู ละตอ้ งผสมกลมกลนื กนั ดว้ ย