Page 35 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 35
สนุ ทรยี ศาสตร์ของภาพยนตร์ 1-25
ความน�ำ
เชน่ เดยี วกับการเสพงานศิลปะแขนงอืน่ (ละครเวที ภาพเขยี น ดนตรี นาฏศลิ ป์ ฯลฯ) สงิ่ ทีผ่ ้ชู ม
มักกระท�ำเสมอหลังจากการชมภาพยนตร์ก็คือ การคิดทบทวนถึงเรื่องราวหรือฉากอันน่าประทับใจท่ีเพิ่ง
ไดช้ มจบไป พรอ้ มทงั้ ลงความเหน็ วา่ ภาพยนตรเ์ รอ่ื งดงั กลา่ วมอบความเพลดิ เพลนิ หรอื ใหค้ ณุ คา่ ทางจติ ใจ
คุ้มค่ากบั เวลาและเงนิ ทองท่เี สียไปหรือไม่ หลายคนอาจชอบทีจ่ ะไดร้ ว่ มขบวนการวิพากษ์วิจารณก์ บั ผู้อ่ืน
อีกด้วย การกระท�ำดังน้ีถือได้ว่าเป็นการตัดสินคุณค่าของภาพยนตร์ในเชิงสุนทรียศาสตร์ขั้นต้น ซึ่งใน
ปจั จบุ นั น้ี การแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั ภาพยนตรก์ ไ็ ดก้ ลายเปน็ สว่ นสำ� คญั ทแี่ ยกไมอ่ อกจากวฒั นธรรม
การชมภาพยนตร์ไปเสียแล้ว และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นท่ีมาพร้อมกับสื่อสมัยใหม่ เช่น
อนิ เทอร์เนต็ นัน้ ก็ยงิ่ ทำ� ใหว้ ฒั นธรรมการวิจารณภ์ าพยนตรแ์ บบ “ไม่เปน็ ทางการ” นก้ี ลายเป็นรปู ธรรมที่
เปน็ จริงเปน็ จงั ยงิ่ ขึน้
ดังนัน้ จะเหน็ ไดว้ ่านักวิจารณ์คนแรกทเ่ี รารจู้ ักและรบั ฟงั นัน้ ก็คอื ตวั เราน่ันเอง แตล่ �ำพงั ความคดิ
เห็นของเราคนเดียว ยังไม่เพียงพอต่อการตัดสินหรือประเมินคุณค่าของภาพยนตร์เร่ืองหน่ึงๆ ให้เป็นท่ี
ยอมรบั ของสาธารณชนกนั อยา่ งกวา้ งขวางได้ เนอ่ื งจากขอ้ วพิ ากษว์ จิ ารณภ์ าพยนตรน์ นั้ มกั เกดิ จากความ
ชอบหรอื ความรูส้ ึกสว่ นตวั หรอื ท่เี รียกวา่ มคี วามเปน็ ซับเจ็กทฟี (subjective) ซงึ่ ตรงกนั ข้ามกบั ความคดิ
เห็นท่ีเกิดจากการพจิ ารณาขอ้ เทจ็ จรงิ และหลกั ฐานตา่ งๆ อยา่ งเปน็ กลางโดยไมใ่ ชค้ วามเหน็ สว่ นตนตดั สนิ
หรือที่เรียกว่าคิดแบบออฟเจ็กทีฟ (objective) ด้วยเหตุน้ี การใช้ความคิดเห็นส่วนตัวของเราตัดสิน
ภาพยนตรเ์ รอ่ื งหนง่ึ ๆ วา่ เปน็ ภาพยนตรท์ ดี่ มี คี ณุ คา่ อยา่ งไรนนั้ อาจขดั แยง้ กบั ความรสู้ กึ หรอื ความเหน็ ของ
ผูช้ มคนอืน่ ได้
ความคิดเห็นส่วนตัวทแ่ี ตกต่างกนั จนอาจถงึ กับเหน็ เปน็ ตรงกันข้ามกันน้ี ทำ� ให้บรรดานักวิจารณ์
และนกั ทฤษฎดี า้ นภาพยนตรท์ ง้ั ในอดตี และปจั จบุ นั พยายามคน้ หาแนวทางทจ่ี ะสรา้ งมาตรฐานการประเมนิ
คณุ คา่ ภาพยนตรใ์ นเชงิ สนุ ทรยี ศาสตรใ์ หเ้ ปน็ มาตรฐานเดยี ว ทม่ี คี วามเทย่ี งตรง เปน็ กลาง และไดร้ บั ยอมรบั
กันท่ัวไป แต่กระนั้น ข้อเสนอแนะของนักทฤษฎีเหล่าน้ี ก็ยังไม่สมบูรณ์และมีความขัดแย้งกันมาก จน
ภายหลงั ไดม้ ผี ู้พยายามผสานแนวทางเหล่านเี้ ขา้ ดว้ ยกนั เพือ่ ใหไ้ ด้วิธกี ารและผลลพั ธท์ สี่ มบูรณแ์ บบทสี่ ุด