Page 27 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 27
สุนทรียศาสตรข์ องภาพยนตร์ 1-17
คาร์ล มาร์กซ์ (Karl Marx) นักปรัชญาวัตถุนิยมวิภาษวิธี ชาวเยอรมัน คือผู้ที่เชื่อว่าศิลปะ
ไม่เพียงแค่เป็นกระจกเงาเท่าน้ัน แต่ศิลปะเป็นเครื่องมือที่จะชี้น�ำมนุษย์ไปสู่การปรับเปล่ียนทางสังคม
ตามแนวทางของมาร์กซ์ ศิลปะจะมีลักษณะของการต่อต้าน ขัดแย้ง และเปล่ียนแปลง เน้นการปฏิบัติ
ใหเ้ ห็นจริงในโลกนไี้ ด้มากกว่าการแสดงอดุ มคตทิ ไ่ี กลเกนิ ความเปน็ จรงิ หรอื ยากทจี่ ะเขา้ ใจและปฏบิ ตั ไิ ด้
(วนดิ า ขำ� เขยี ว, 2543, น. 157)
ซิกมุนด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) จิตแพทย์ชาวออสเตรีย ผู้เช่ือว่าพลังของจิตมีผลต่อการ
สรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะมาก เพราะความฝนั และศลิ ปะนน้ั คอื การแสดงออกอยา่ งหนง่ึ ของแรงปรารถนาทแ่ี ปลง
รปู ออกมา แรงปรารถนานอี้ าจมาจากจติ ไรส้ ำ� นกึ (unconscious) ซง่ึ เปน็ จติ ทม่ี แี ตค่ วามอยากตามธรรมชาติ
(Id) หรอื จิตท่ีส�ำนกึ ได้ (Ego) แรงปรารถนานพี้ ยายามแสดงตนออกมาสูโ่ ลกภายนอกเสมอ โดยเฉพาะ
สงิ่ ทเ่ี รยี กวา่ ความตอ้ งการทางเพศ ถกู เปลยี่ นมาอยใู่ นรปู ของการสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะได้ วธิ กี ารแสดงพลงั
ทางเพศออกมาในงานศิลปะนี้ เรียกว่า การระเหิด (sublimation) ถือว่าเป็นความสามารถของศิลปินที่
เคลือบแฝงอารมณ์ตนเองออกมาไดอ้ ย่างแนบเนียนโดยไม่ลามกหรอื อุจจาด
ช่วงศตวรรษท่ี 20 เกิดการโต้เถียงกันในทางวิชาการเกี่ยวกับความหมายของศิลปะ โดยนัก
วิจารณ์และนักอรรถศาสตร์ชาวอังกฤษ ชื่อ ไอ. เอ. ริชาร์ด (I.A. Richards) ผู้เชื่อว่า ศิลปะเป็นภาษา
อย่างหนึ่ง ริชาร์ดยืนยันว่าภาษาที่มีอยู่นั้นสามารถแบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ สัญลักษณ์ (symbolic) ซึ่ง
เป็นตัวน�ำความคิด ข่าวสาร และอารมณ์ที่แสดงออกมา ส่วนของสัญลักษณ์ คือส่ิงถูกปลุกให้ต่ืนขึ้นมา
เพ่ือกระตุ้นให้เกิดอารมณ์และการแสดงเจตคติออกมา นอกจากน้ัน ริชาร์ดเชื่อว่า ศิลปะเป็นภาษาที่
เร้าอารมณ์ (emotive language) ได้ คือเป็นส่ิงท่ีท�ำให้เกิดอารมณ์ และเก่ียวพันไปถึงประสบการณ์และ
เจตคตทิ ่ีไม่มสี ญั ลักษณแ์ สดงความหมายอย่ดู ว้ ย
แนวคิดและความเช่ือท่ีกล่าวมานั้น แสดงให้เห็นว่า สุนทรียศาสตร์ คือ ส่วนหน่ึงของปรัชญา
และท�ำให้เกิดค�ำถามข้ึนมาอีกว่า สุนทรียศาสตร์มีความสัมพันธ์หรือเก่ียวข้องกับศิลปะได้อย่างไร ในเมื่อ
เราเข้าใจวา่ สนุ ทรยี ศาสตร์ คอื อะไรแลว้ สิง่ ท่เี ราต้องทำ� ความเขา้ ใจต่อไปอกี คือ ทำ� ความเขา้ ใจว่า ศลิ ปะ
คอื อะไร และ ปรชั ญาศลิ ปะ คอื อะไร การจะนยิ ามคำ� วา่ “ศลิ ปะ” หรอื “Art” คอื อะไร นบั วา่ เปน็ เรอ่ื งยาก
เพราะวา่ ถา้ นบั จากประสบการณข์ องผรู้ แู้ ละศลิ ปนิ แตล่ ะคนยงั แตกตา่ งกนั แตล่ ะคนจงึ นยิ ามค�ำโดยเนน้ ไป
ยังด้านใดด้านหน่ึงตามที่ผู้นิยามนั้นเห็นว่าส�ำคัญ แต่ก็อาจสรุปได้ว่า ศิลปะ คือ ผลิตผลของกิจกรรมที่
มนษุ ยส์ รา้ งสรรคข์ นึ้ มา โดยทำ� ใหว้ สั ดบุ างอยา่ งเกดิ เปน็ รปู รา่ งขนึ้ หรอื อาจเปน็ การเลอื กสรรคส์ งิ่ ใดสง่ิ หนงึ่
ขึ้นมา ท�ำให้เกิดการน�ำพาความคิด อารมณ์ หรือการท�ำให้เห็นรูปแบบท่ีเป็นสิ่งน่าพึงพอใจ ด้วยนยิ าม
ดงั กลา่ วนนั้ จะเหน็ ไดว้ า่ งานศลิ ปะไมใ่ ชส่ ง่ิ ทม่ี าจากธรรมชาตหิ รอื เปน็ สง่ิ ทธี่ รรมชาตสิ รา้ ง แตศ่ ลิ ปะตอ้ งมา
จากการสร้างสรรค์และการแสดงอะไรบางอย่างของผู้สร้างสรรค์ แม้ว่าศิลปินน้ันต้องการส่ือสารถึงคนอื่น
หรือไม่ก็ตาม
ค�ำวา่ ศลิ ปะอาจอธิบายความถึงทศั นศิลป์ ซ่งึ หมายถึง จติ รกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม
การถ่ายภาพ มัณฑนศิลป์ งานฝีมือ และงานทัศนศิลป์อ่ืนๆ ท้ังท่ีเป็นวัสดุหรือรูปแบบศิลปะผสมก็ได้
การจดั ประเภทของศลิ ปะนนั้ อาจแบง่ ออกตามจดุ มงุ่ หมายของการสรา้ งสรรคง์ านศลิ ปะได้ 2 ประเภท คอื
อรรถศิลป์ (useful arts) และวิจิตรศิลป์ (fine arts) อรรถศิลป์ หมายถึง ศิลปะที่ให้ทั้งประโยชน์และ