Page 46 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 46
1-36 ทฤษฎแี ละการวจิ ารณภ์ าพยนตร์
ดงั นนั้ ฉากหรือตอนท่แี สดงตวั ละครเคล่อื นไหวอยา่ งตอ่ เนอื่ งจากภาพหนง่ึ ไปสอู่ กี ภาพหนง่ึ หรอื
จากสถานที่หนึ่งไปสู่สถานท่ีใกล้เคียงกันน้ี จะต้องรักษาทิศทางของความเคล่ือนไหวของตัวละครให้
สอดคล้องและต่อเนื่องกัน มิฉะน้ันผู้ชมอาจเกิดความสับสนได้ วิธีการตัดต่อท่ีมักใช้ในฉากที่เกี่ยวกับการ
ไล่ล่านี้ ภายหลังได้พัฒนามาเป็นกฎขั้นพื้นฐานของการตัดต่อแบบต่อเนื่อง (continuity editing) เช่น
match on action (ตดั ตอ่ ใหก้ ารแสดงตอ่ เนอ่ื ง) และ screen direction (ตดั ตอ่ ใหม้ ที ศิ ทางบนจอ) เปน็ ตน้
การตัดต่อภาพเพื่อการเล่าเร่ืองนี้ท�ำให้ “ภาพท่ีดึงดูดใจ” ของภาพยนตร์ยุคแรกเริ่ม ซึ่งในคร้ัง
หน่ึงเคยใชเ้ พ่ือสรา้ งสนุ ทรยี ภาพในดา้ นการแสดงเพยี งอย่างเดียว เชน่ การกวาดภาพ (pan) การจับภาพ
ระยะใกล้ (close shot) เช่น ภาพยิงปนื เข้าหากลอ้ งในภาพยนตรเ์ รื่อง The Great Train Robbery หรือ
ภาพแทนสายตา (point-of-view shot) น้ัน ลดความส�ำคญั ลงไปและหลกี ทางใหแ้ กก่ ารพฒั นาดา้ นการ
ตัดตอ่ เขา้ มาแทนที่
ความเปลี่ยนแปลงนี้ยังดึงอ�ำนาจการควบคุมในแง่ “การสร้างความหมาย” ของภาพยนตร์จาก
ผฉู้ ายมาอยใู่ นมอื ของผสู้ รา้ งหรอื ผกู้ ำ� กบั ภาพยนตร์ เนอื่ งจากการจดั เรยี งลำ� ดบั พน้ื ทแี่ ละเวลาเพอ่ื ใหส้ ามารถ
เล่าเรื่องได้อย่างชัดเจนนี้ ท�ำให้ผู้ชมสามารถท�ำความเข้าใจและติดตามเร่ืองราวได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพา
เครื่องเสรมิ แตง่ หรือการอธบิ ายจากผฉู้ ายอีกต่อไป
กนั นง่ิ เรยี กวธิ กี ารสรา้ งความหมายแบบนวี้ า่ “ผบู้ รรยายภายใน” (internalized lecturer) นน่ั คอื
การที่ภาพยนตร์เล่าเร่ืองราวโดยการเลือกและจัดเรียงภาพ เพ่ือจัดล�ำดับความส�ำคัญของเนื้อหา ซ่ึงการ
เลือกและจัดล�ำดับนี้จะช่วยให้ผู้ชมสามารถท�ำความเข้าใจกับเน้ือเรื่องและตัวละครได้อย่างละเอียดและ
ตรงประเด็นภายในระยะเวลาอนั สน้ั (Gunning, 1991, pp. 93-94)
ในแต่ละประเทศ ความเปลย่ี นแปลงของภาพยนตร์ยคุ แรกจาก “ภาพยนตร์ท่ีดึงดูดความสนใจ”
ไปสภู่ าพยนตรท์ เ่ี ปน็ เรอื่ งราวนน้ั ไมไ่ ดเ้ กดิ ขนึ้ ในเวลาเดยี วกนั หรอื ในวถิ ที างเดยี วกนั เสมอไป เชน่ ภาพยนตร์
อเมริกันที่เน้นตัวละครเป็นหลัก ก็พัฒนามาเป็นเทคนิคการจับภาพระยะใกล้ (close shot) ของใบหน้า
นกั แสดง โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ นกั แสดงหญงิ เชน่ แมร่ี พคิ ฟอรด์ และการใชร้ ะบบความตอ่ เนอื่ ง (continuity
system) ต่างๆ เช่น eyeline match (ความต่อเน่ืองของสายตา) และ shot/reverse-shot (ภาพใน
มุมกลบั ) เปน็ ตน้
ขณะทภี่ าพยนตรใ์ นประเทศแถบยโุ รปกพ็ ฒั นาวธิ กี ารถา่ ยทอดเรอื่ งราวในรปู แบบทแี่ ตกตา่ งออกไป
คือเนน้ การก�ำหนดต�ำแหนง่ และการเคลื่อนไหวของตวั ละครในฉากใหม้ ีความลกึ (deep staging) เช่นใน
ภาพยนตรเ์ ร่ือง Ingeborg Holm (Victor SjÖstrÖm, 1913) ขณะท่ีภาพยนตร์ฝรง่ั เศสกไ็ ด้พฒั นาวธิ ีการ
ตดั ตอ่ แบบตอ่ เนอ่ื ง (continuity editing) ทแ่ี ตกตา่ งไปจากในภาพยนตรอ์ เมรกิ นั โดยแทนทจี่ ะใช้ eyeline
match และ shot/reverse-shot ก็หันมาเน้นการวางตำ� แหน่งกลอ้ งที่รักษากฎ 180 องศา5 เป็นตน้
5 กฎ 180 องศา หมายถึง วิธีการรักษาความต่อเน่ืองของภาพโดยการก�ำหนดว่ากล้องจะต้องอยู่ด้านใดด้านหนึ่งของ
กรอบภาพเสมอ โดยไม่มีการข้ามเส้นสมมติน้ีเด็ดขาด มฉิ ะนน้ั ภาพวตั ถุและนักแสดงที่ปรากฏในภาพจะกลบั จากซา้ ยไปขวา หรอื
ขวาไปซ้าย ขาดความต่อเนอ่ื งในแงข่ องพื้นที่และทำ� ลายความสมั พนั ธร์ ะหว่างวตั ถใุ นภาพ