Page 51 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 51
สุนทรยี ศาสตรข์ องภาพยนตร์ 1-41
จนกระทง่ั ในราวปี 1910 ทเี่ รมิ่ มกี ารนำ� floodlight แบบตงั้ พน้ื มาใช้ ซง่ึ ทำ� ใหเ้ หน็ การแสดงอารมณ์
บนใบหน้าของนักแสดงชัดเจนขึ้น ตลอดจนท�ำให้นักแสดงไม่กลมกลืนไปกับฉากหลังมากเกินไป และ
สามารถสรา้ งแสงเทยี มตามเนอื้ เรอื่ ง เชน่ แสงจากหนา้ ตา่ งหรอื ตะเกยี งใหด้ เู หมอื นจรงิ ยง่ิ ขน้ึ นบั ตงั้ แตน่ นั้
มาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็เริ่มน�ำแสงมาใช้เพ่ือผลทางสุนทรียภาพ และก่อนปี 1918 การใช้แสงเพ่ือให้
ความสวา่ งก็เร่มิ ถกู แทนท่ีด้วยการใชแ้ สงเพื่อผลทางอารมณ์ (dramatic effect) ซง่ึ ยดึ หลักของสนุ ทรยี ะ
แห่งความสมจริง (realist aesthetic) ท่ีไม่ได้มุ่งสร้างความหมาย (abstract) เพียงอย่างเดียว โดยมี
การสรา้ งและจดั ฉากใหด้ เู ปน็ 3 มติ มิ ากขนึ้ และใชก้ ารจดั แสงเพอื่ สรา้ งความรสู้ กึ และเปน็ องคป์ ระกอบของ
การเล่าเรอ่ื ง เชน่ จัดให้มีแสงสอ่ งจากเตาผงิ ในฉาก เพือ่ เป็นแหล่งแสงสว่างและสรา้ งบรรยากาศทสี่ มจริง
ใหก้ ับฉากน้ันๆ และเพ่ือสอื่ ถงึ สภาพจติ ใจของตวั ละครในขณะนนั้ ด้วย
เทคนิคด้านแสงที่ได้รับความนิยมมากข้ึนท�ำให้การใช้แสงอาทิตย์หมดไป โดยในทศวรรษที่ 20
เรม่ิ มกี ารพฒั นาแบบแผนวธิ กี ารใชแ้ สง floodlight ทแี่ บง่ ออกเปน็ 3 สว่ นหลกั ๆ คอื แสงหลกั (key light
- แสงสว่างหลัก) แสงเติม (fill - แสงที่ท�ำหน้าที่ลดเงาด�ำอันเกิดจากแสงหลัก) และแสงจากด้านหลัง
(backlighting) ซง่ึ กไ็ ดก้ ลายเปน็ แบบแผนทเี่ ปน็ ทย่ี อมรบั กนั อยา่ งแพรห่ ลายในฮอลลวี ดู จนกระทงั่ ปจั จบุ นั
พัฒนาการของเทคนิคด้านแสงมีความเก่ียวพันกับหลายปัจจัย เช่น แสงต้องให้ความสว่างเพียงพอที่จะ
ท�ำให้เกิดภาพบนแผ่นฟิล์ม มีการท�ำงานท่ีเงียบพอท่ีจะไม่รบกวนระบบอัดเสียง และมีนํ้าหนักเบาและ
เคลอื่ นย้ายติดตัง้ ง่ายเพื่อใหเ้ อือ้ ต่อการถา่ ยทำ� ในทุกสถานที่ เปน็ ต้น
ปลายทศวรรษที่ 40 สตูดิโอภาพยนตร์มักใช้เทคนิคแสง 2 แบบคือแบบ low key (ส�ำหรับ
ภาพยนตรบ์ างประเภท เชน่ ฟิล์มนัวร์ (film noir) หรอื แบบไฮท์ คยี ์ (high key) (เชน่ ภาพยนตร์เพลง
รวมถงึ สำ� หรับเทคนคิ การถ่ายภาพแบบชัดลกึ ) ซ่งึ วธิ กี ารใชแ้ สงแบบสรา้ งอารมณ์ทัง้ 2 แบบนก้ี ย็ งั คงอยู่
ในกรอบของสนุ ทรยี ะดา้ นความสมจรงิ และทำ� หนา้ ทใี่ หเ้ รอ่ื งราวของภาพยนตรด์ ำ� เนนิ ไปอยา่ งสมเหตสุ มผล
ต่อเนื่องกัน ดังน้ัน จะเห็นได้ว่าหน้าท่ีหลักประการหน่ึงของแสงคือเป็นเคร่ืองมือสร้างสุนทรียศาสตร์
ทางภาพยนตร์ อนั ไดแ้ ก่ การเลา่ เรอ่ื งราว การสอ่ื ถงึ พฒั นาการของตวั ละคร และการถา่ ยทอดเนอ้ื หาสาระ
ท่ซี อ่ นอยู่นั่นเอง
สี
เชน่ เดยี วกบั แสง สกี เ็ ปน็ เครอ่ื งมือของผสู้ รา้ งภาพยนตรใ์ นการสรา้ งสุนทรยี ภาพให้กบั ภาพยนตร์
มาตั้งแต่ยุคเริ่มแรก จากความต้องการท่ีจะใช้สีเพ่ือสร้างและส่ือความหมายให้กับภาพ นอกเหนือไปจาก
เพ่ือความสวยงาม ท�ำให้มีการคิดค้นและพัฒนาวิธีการสร้างภาพยนตร์สีในหลายรูปแบบ โดยภาพยนตร์
ในยคุ แรกนน้ั ใชว้ ธิ รี ะบายสดี ว้ ยมอื เฟรมตอ่ เฟรม แตเ่ มอ่ื ภาพยนตรม์ คี วามยาวมากขน้ึ และมกี ารพมิ พฟ์ ลิ ม์
ภาพยนตร์หลายม้วน การระบายสีทีละเฟรมจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เพ่ือแก้ปัญหาดังกล่าว บริษัท