Page 52 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 52
1-42 ทฤษฎแี ละการวิจารณ์ภาพยนตร์
Pathé Fréres จงึ ใชเ้ ครอ่ื งพมิ พล์ ายฉลมุ าชว่ ยในการระบายสภี าพ ขณะทบ่ี รษิ ทั ภาพยนตรใ์ นอเมรกิ านยิ ม
ใช้การย้อมสีภาพท่เี รียกวา่ tinting6 และ toning7 เพือ่ เปลย่ี นภาพขาว-ดำ� ใหเ้ ปน็ ภาพสี
ต่อมาบริษัทเทคนิคคัลเลอร์ (Technicolor) ได้ประดิษฐ์กล้องที่ใช้ปริซึม (prism) ในการแยก
แมส่ ี (แดง เขยี ว นา้ํ เงนิ ) จากแสงทผ่ี า่ นเลนสใ์ หต้ กลงบนฟลิ ม์ ขาว-ดำ� 3 แถบ และสจี ากฟลิ ม์ ทงั้ 3 แถบนี้
จะไปรวมกนั บนฟลิ ม์ ทม่ี ภี าพขาว-ดำ� จางๆ (และเสน้ เสยี ง) ในขน้ั ตอนสดุ ทา้ ย ซงึ่ กจ็ ะไดผ้ ลลพั ธค์ อื ภาพที่
มีแสงเงาและสีสนั สดสวยเหมอื นจรงิ แต่ในทศวรรษที่ 50 ฟิล์มสีของ Eastman (Kodak) ซง่ึ สามารถใช้
กับกล้องขนาดเล็กได้ก็เข้ามาแทนที่เทคนิคคัลเลอร์ ท�ำให้ชื่อเทคนิคคัลเลอร์กลายเป็นเพียงค�ำที่ใช้
เรยี กกระบวนการในการย้อมสฟี ลิ ม์ ในหอ้ งแล็บเท่านนั้
ปัจจบุ นั นีเ้ ราถือว่า สี คอื องค์ประกอบหลกั ทสี่ ร้างความสมจริงให้กบั ภาพยนตร์ แต่ในอดีต (โดย
เฉพาะในชว่ งทศวรรษที่ 30 และ 40) สกี ลบั หมายถงึ แฟนตาซแี ละความตน่ื ตาตน่ื ใจ สจี งึ มกั ใชก้ บั ภาพยนตร์
แนวผจญภัย เช่น Wizard of Oz (Victor Fleming, 1939), The Adventures of Robin Hood
(Michael Curtiz, 1939) หรือภาพยนตร์เพลงอย่างเช่น Meet Me in St. Louis (Vincente
Minnelli, 1944) เปน็ ตน้
นอกจากความสวยงามและความสมจริงแล้ว บางคร้ังสีก็ท�ำหน้าที่เป็นองค์ประกอบหน่ึงของมีส์
ซองแซน (mise-en-scéne) (องค์ประกอบภาพ) ที่สร้างความหมายท่ีส�ำคัญให้กับภาพยนตร์ เช่น ใน
L’Argent (Robert Bresson, 1983) ทผ่ี กู้ �ำกับใช้สีเขียวหมน่ กับฉากหลงั และจงใจใหเ้ สื้อผ้าและอปุ กรณ์
ประกอบฉากเปน็ สฟี า้ ซาํ้ ๆ กบั ในหลายฉาก (บา้ น โรงเรยี น และคกุ ) เพอื่ สรา้ งความคลา้ ยคลงึ ทเ่ี ทยี บเคยี ง
กนั ระหวา่ งเรอ่ื งราวในฉากเหลา่ นี้ หรอื ในเรอ่ื ง Pleasantville (Gary Ross, 1998) ทใ่ี ชส้ ขี าว-ดำ� สอ่ื ความ
หมายถงึ โลกจอมปลอมอนั ไรซ้ งึ่ จติ วญิ ญาณของความเปน็ มนษุ ย์ ขณะทส่ี สี นั ตา่ งๆ นนั้ แทนโลกแทจ้ รงิ ทม่ี ี
ชีวิตชวี า
ภาพชัดลึก
การถ่ายภาพแบบชัดลึก หมายถึง การถ่ายภาพท่ีท�ำให้วัตถุหน้ากล้องท่ีอยู่ในระยะใกล้ไกล
ตา่ งกนั มคี วามคมชดั เทา่ เทยี มกนั ซง่ึ มกั ใชม้ ากในภาพยนตรฮ์ อลลวี ดู ยคุ 1940s แมว้ า่ วธิ กี ารถา่ ยภาพแบบน้ี
จะเกิดข้นึ ได้ดว้ ยพัฒนาการทางเทคโนโลยีภาพยนตร์ เช่น อุปกรณแ์ สงทีใ่ หแ้ สงสวา่ งดขี ึน้ ฟิล์มชนดิ ใหม่
ท่ีให้ท้ังภาพและเสียงที่คมชัดยิ่งข้ึน และเลนส์แบบใหม่ที่ให้แสงผ่านได้มากข้ึน แต่นักประวัติศาสตร์
ภาพยนตร์แพทริค โอเกิล (Patrick Ogle) ก็มีความเห็นว่าพัฒนาการทางเทคโนโลยีเหล่านี้ยังไม่เพียง
พอทที่ ำ� ใหเ้ กดิ การถา่ ยภาพแบบชดั ลกึ แตท่ วา่ มกี ระแสทางความคดิ สรา้ งสรรคข์ องยคุ สมยั นนั้ เชน่ ความ
นยิ มในการถา่ ยภาพแบบสารคดแี ละหนงั สอื พมิ พท์ เี่ กดิ ขน้ึ ในชว่ งยคุ 1930s และปจั จยั ทางดา้ นสนุ ทรยี ภาพ
ทเ่ี ขา้ มามีอทิ ธิพลต่อความนิยมในการถา่ ยภาพแบบชดั ลึกดว้ ย (Ogle, 1985, pp. 61-62)
6 Tinting หมายถึง การย้อมสีฟิล์มโดยท่ีส่วนท่ีมีดของภาพจะเป็นสีด�ำหรือเทา ขณะท่ีส่วนท่ีสว่างจะเปล่ียนสีไปตาม
สที ย่ี อ้ ม
7 Toning หมายถงึ การยอ้ มสฟี ลิ ม์ โดยสว่ นทมี่ ดี จะเปลย่ี นสไี ปตามสที ย่ี อ้ ม สว่ นพนื้ ทที่ สี่ วา่ งจะยงั คงเปน็ สขี าวหรอื สอี อ่ น
ดังเดมิ