Page 54 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 54
1-44 ทฤษฎีและการวจิ ารณ์ภาพยนตร์
Renoir, 1938) เชน่ ในฉากบา้ นพกั ตากอากาศทภ่ี าพชดั ลกึ ท�ำใหเ้ หน็ ความเคลอ่ื นไหวและการปฏสิ มั พนั ธ์
ระหว่างตัวละครหลายตัวพร้อมกัน ซ่ึงวิธีการที่เรอนัวร์ใช้เทคนิคภาพชัดลึกเหมือนกับไม่ได้ต้ังใจใน
ภาพยนตร์ของเขาน้ี ท�ำให้เทคนิคนี้ดูกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของกรอบภาพและการเคล่ือนไหวของกล้อง
ซง่ึ จะแตกตา่ งจากในภาพยนตร์ของเวลล์สทมี่ ักใชภ้ าพชดั ลกึ อยา่ งฉูดฉาดสะดดุ ตากวา่
ภาพยนตร์จอกว้าง
ขนาดของฟิล์มมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับยุคสมัยและเทคโนโลยีตลอดมา โดยในช่วง
ประมาณ 20 ปีแรกของการกำ� เนดิ ของภาพยนตร์นั้น บริษทั ผ้สู รา้ งภาพยนตร์ใหญๆ่ มกั ใชฟ้ ลิ ม์ 35 มม.
เปน็ มาตรฐานในการสร้างภาพยนตร์ โดยสดั สว่ นบนจอภาพท่ีได้จากฟิล์ม 35 มม นีค้ ือ 4:3 (1.33:1) นั้น
ได้รับความนิยมจากบรรดาผู้สร้างเนื่องจากความเหมาะสมทั้งในแง่ของสุนทรียศาสตร์และเศรษฐศาสตร์
โดยสัดส่วน 4:3 น้ีจะเอ้ืออ�ำนวยให้กับการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติท่ีเป็นไปในแนวระนาบได้เป็นอย่างดี
และขณะเดยี วกนั กล็ ดการส้นิ เปลอื งฟิล์มดว้ ย
อย่างไรก็ดี การเปล่ียนแปลงจากภาพยนตร์เงียบเป็นภาพยนตร์เสียง ก็ท�ำให้ต้องปรับเปล่ียน
สดั สว่ นของภาพเสยี ใหม่ เนอ่ื งจากมรี อ่ งเสยี งเพมิ่ เขา้ มาบนแผน่ ฟลิ ม์ จงึ มกี ารปรบั สดั สว่ นจาก 1.33:1 เปน็
1.37:1 เพอ่ื ใหม้ พี ้ืนท่สี ำ� หรับรอ่ งเสยี ง แตก่ ระนนั้ ขนาดภาพกย็ งั ลดไปจากเดิมถึง 31%
ถึงแม้ว่าฟิล์ม 35 มม. จะถือได้ว่าเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรมการสร้างภาพยนตร์จวบจน
ปจั จบุ นั น้ี แตก่ ย็ งั มกี ารทดลองใชฟ้ ลิ ม์ ในขนาดตา่ งๆ กนั อยตู่ ลอดเวลา โดยรปู แบบทไี่ ดร้ บั การยอมรบั มาก
ท่สี ุดคอื CinemaScope (พัฒนาขึน้ โดยบริษทั 20th Century-Fox) ซ่งึ เปน็ การผสมผสานระหวา่ งภาพ
จอกว้าง (widescreen) กบั ร่องเสยี งระบบสเตอริโอ (stereo soundtrack) ไวบ้ นแผน่ ฟิลม์ เดยี วกนั
ภาพท่ี 1.10 ภาพยนตร์เรื่อง River of No Return ถ่ายท�ำในระบบจอภาพแบบซีเนมาสโคป
ท่ีมา: The Cinema Book. (2004).