Page 82 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 82
8-72 ทฤษฎีและการวิจารณภ์ าพยนตร์
2.3 กลวิธีการประกอบสร้างภาพทางบวก และทางลบให้แก่ตัวละคร การสร้างความเป็น
อื่น (the others) มีตราบาป (stigma) การท�ำให้ด้อยตลกขบขัน และการถอดความหมายเกา่ ท่ีกดขอ่ี อก
สร้างความหมายใหม่ (transcoding) ใหแ้ ก่ตัวละคร (ซึง่ เนอ้ื หาในส่วนนี้ได้อธิบายไปแล้วในหัวข้อ ภาพ
ตวั แทน)
2.4 การบอกศัตรู มิตร ผู้อุปถัมภ์ ผิดคน และไม่บอกว่าศัตรูที่แท้จริงคือใคร อุดมการณ์
หลกั จะสามารถรกั ษาจติ สำ� นกึ ทผี่ ดิ พลาด (false consciousness) ไดโ้ ดยประกอบสรา้ งเรอ่ื งเลา่ ทบ่ี ดิ เบอื น
ไปจากความจรงิ ไมบ่ อกใหผ้ ชู้ มไดร้ วู้ า่ ในสภาพสงั คม ปญั หาทผี่ ชู้ มกำ� ลงั เผชญิ อยนู่ น้ั ใครคอื ศตั รทู แี่ ทจ้ รงิ
ดว้ ยวิธีการต่างๆ ไม่วา่ จะเปน็ การเปลย่ี นจากความเป็นศตั รู (นายทนุ ทขี่ ดู รีดในชวี ิตจริง) ใหม้ าเปน็ ผทู้ ี่มี
พระคุณ หรือเป็นผู้ให้ หรือกลายเป็นมิตรที่ดีในเร่ืองเล่า เพื่อสร้างภาพสังคมท่ีมีความสัมพันธ์อันราบรื่น
ปราศจากความขดั แย้ง
การเปล่ยี นศัตรใู นโลกจริง (เช่น นายทุน ศกั ดนิ า ชาติทตี่ อ้ งการสร้างการครอบงำ� ) ใหม้ า
เปน็ ผ้ทู ่ีมพี ระคณุ เป็นผูอ้ ุปถัมภใ์ นเร่อื งเลา่ น้ี อาศยั การทำ� งานของอดุ มการณ์ความกตญั ญู เป็นเคร่ืองมอื
ส�ำคญั ในการสนับสนุนความชอบธรรมของชนชัน้ ตนไว้ เพราะหากบุคคล ชนชั้น สถาบัน ชาติใดถกู สร้าง
จากเรอื่ งเลา่ ใหเ้ ปน็ ผทู้ อ่ี ปุ ถมั ภ์ เปน็ ผทู้ ม่ี บี ญุ คณุ แลว้ กเ็ ปน็ ไปไดย้ ากทผี่ ชู้ มจะตงั้ หนา้ เปน็ ศตั รู จะไมล่ บหลู่
ตงั้ คำ� ถาม เพราะเปน็ ผมู้ บี ญุ คณุ ทง้ั ทใี่ นชวี ติ จรงิ แลว้ ผทู้ ม่ี บี ญุ คณุ ในเรอื่ งเลา่ (นายทนุ ศกั ดนิ า ชาต)ิ อาจ
เป็นศัตรตู ัวฉกาจที่คอยขดู รดี เอารดั เอาเปรียบอยู่
การลวงว่าบุคคลท่ีอาจเป็นศัตรูในโลกจริงท่ีขูดรีดผู้ชมอยู่ เป็นชนช้ันที่เป็นผู้มีพระคุณ
ผู้ช่วยเหลือ หรือผู้คุ้มครอง ผ่านอุดมการณ์ความกตัญญู ตรงกับส่ิงที่นักวิชาการสายมาร์กซิสต์อย่าง
Jameson (Federic Jameson) ท่ีตั้งข้อสังเกตต่อคู่ความสัมพันธ์ของตัวละครในแนวคิดเร่ืองผังแสวงหา
(Quest Model) ของกรมี าส (Algirdas Julien Greimas) วา่ คทู่ นี่ า่ สนใจในการวเิ คราะหไ์ ดแ้ ก่ คู่ donor/
receiver (ผใู้ ห/้ ผรู้ บั ) วา่ สดุ ทา้ ยแลว้ เรอ่ื งเลา่ นนั้ กำ� หนดใหใ้ ครหรอื อะไร เปน็ ผใู้ หแ้ ละผรู้ บั (นพพร ประชากลุ ,
2552, น. 352) ดงั นน้ั สถานะของตวั ละคร (มติ ร/ศตั ร)ู กส็ ามารถเปน็ องคป์ ระกอบทพ่ี รางตวั ใหอ้ ดุ มการณ์
ท�ำงานอย่างแนบเนียน
2.5 การบอกวิธีการแก้ปัญหาไม่ส้ินสุด หรือการจ�ำกัดทางเลือกในการออกสู่ปัญหานั้น
ภาพยนตร์เป็นเรื่องเล่าที่ต้องมีตอนจบ กระบวนการในการด�ำเนินเร่ืองในภาพยนตร์จะเร่ิมต้นด้วยการที่
ตวั ละครเดินทางเข้าสู่ปัญหา การเผชญิ หน้า และการคลค่ี ลายปญั หาในที่สุด ตอนจบเปน็ ทบ่ี รรจุมายาคติ
ในหลายแงม่ มุ เพราะตอนจบในภาพยนตรม์ เี พยี งหนทางเดยี ว ขณะทที่ างออกจากปญั หานน้ั ๆ ในโลกจรงิ
อาจมีอยู่หลายวิธีที่ดีกว่า ตอนจบจึงเป็นการอ�ำพรางทางออกของปัญหาให้ตีบลงเหลือเพียงหนึ่งเดียว
แท้จริงแล้วการอ�ำพรางนี้เร่ิมต้นต้ังแต่ขั้นตอนของการระบุปัญหา โดยเล่าเร่ืองปัญหาระดับโครงสร้าง
ให้เป็นปัญหาระดับปัจเจก เช่น การเล่าเรื่องตัวละครท่ียากจนเพราะมีสาเหตุมาจากความขี้เกียจ ความ
โชคร้าย กรรมแต่ชาติปางก่อน วิธีการลดทอนระดับของปัญหาน้ีจัดได้ว่าเป็น “กลยุทธ์การลดทอน”
(reductionism) ท่ีท�ำใหผ้ ู้คนมองไมเ่ หน็ ปญั หาในระดับโครงสร้าง เชน่ การจดั สรรทรัพยากรไม่เปน็ ธรรม
ระบบการเกบ็ ภาษที เี่ ออ้ื ประโยชนใ์ หแ้ กค่ นรวย ทง้ั นเี้ พอื่ ใหผ้ คู้ นเกดิ จติ สำ� นกึ ทผ่ี ดิ พลาดทงั้ ในการมองปญั หา
และวธิ ีการในการแก้ไขปัญหา