Page 81 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 81
การเลา่ เรอื่ งในภาพยนตร์ 8-71
และสมสุข หินวมิ าน, 2551, น. 232-233) เนอ่ื งจากพวกเขาเหน็ วา่ การจบเรือ่ งน้ันเป็นกลวธิ ที ีอ่ ุดมการณ์
ใชใ้ นการสร้างความชอบธรรม (legitimize) ให้กบั กรอบความคดิ บางอยา่ งของสงั คม ดังนน้ั จะเหน็ ได้ว่า
ภาพยนตร์ทุกเรื่องจึงต้องมีตอนจบ เพื่อที่จะสรุปเรื่องเล่าทั้งหมดกับผู้ชมว่าการกระท�ำแบบไหน ของใคร
ในสังคมท่ีสมควรจะได้รบั รางวลั หรือบทลงโทษ
อดุ มการณ์สามารถถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ด้วยกลวิธีตา่ งๆ อยา่ งเปน็ ธรรมชาติ ดงั น้ี
2.1 ผ่านเครื่องมือในการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นมุมมอง แก่นเร่ือง การสร้างบุคลิกตัวละคร
โครงเร่ืองและตอนจบ องค์ประกอบท้ังหมดนี้ท�ำหน้าที่ร่วมกันในการเล่าเรื่องเพ่ือถ่ายทอดอุดมการณ์ให้
ผู้ชมซึมซบั โดยไมร่ ้สู ึกตัว เชน่ ในภาพยนตร์อเมริกนั แบบตะวันตก (western) ทเ่ี ล่าเรื่องการเผชญิ หนา้
ระหวา่ งคนอเมรกิ นั ผวิ ขาวทอ่ี พยพมาจากยโุ รปกบั คนอเมรกิ นั พน้ื เมอื ง (อนิ เดยี นแดง) เพอื่ สรา้ งความชอบ
ธรรมให้แก่ฝร่ังฝั่งตะวันออกท่ีเข้าไปรุกรานไล่ที่แย่งชิงท�ำกินของชาวอเมริกันพ้ืนเมือง โดยใช้แนวคิดใน
เรอื่ งความสมั พนั ธแ์ บบคตู่ รงขา้ ม (binary opposition) ของเลวี่ สเทราส์ มาทำ� การวเิ คราะหก์ ารประกอบ
สร้างบคุ ลิกตัวละคร การสร้างแก่นเรื่อง โครงเร่อื งและตอนจบ พบวา่ ภาพยนตรไ์ ด้ประกอบสร้างบคุ ลิกตัว
ละครให้ชาวอเมริกันพื้นเมืองเป็นคนท่ีมาจากชนบท เชี่ยวชาญในการข่ีม้าและใช้ปืน ป่าเถื่อน ดุร้าย ไร้
อารยธรรม รักอิสระ เป็นอาชญากร เลวรา้ ย ไม่ซอื่ สตั ย์ ท�ำทุกอยา่ งเพราะความโลภ แม้จะเป็นตวั ละครที่
แขง็ แกรง่ กวา่ ตวั ละครทกุ ตวั รอบๆ ตวั ยกเวน้ พระเอก แตส่ ดุ ทา้ ยตอ้ งพา่ ยแพพ้ ระเอก ตา่ งจากชาวอเมรกิ นั
ผิวขาวท่ีถูกประกอบสร้างให้เป็นผู้มีอารยธรรม มีความศิวิไลซ์ เป็นผู้มาจากชนบท เข้าสู่เมือง แล้วหวน
กลบั สู่ชนบทอีกครงั้ ในตอนจบ เช่ียวชาญในการขี่มา้ การใชป้ ืน รักอิสระซือ่ สัตย์ เป็นคนดี แข็งแกรง่ กวา่
ตวั ละครทกุ ตวั ทอ่ี ยรู่ อบตวั ภาพยนตรท์ มี่ กี ารประกอบสรา้ งลกั ษณะนี้ เชน่ ภาพยนตรเ์ รอ่ื ง Shane (1953)
(Ben-Shaul, Nitzan, 2007, pp. 45-46)
2.2 การนิยามว่าใคร การกระท�ำ พฤติกรรมใดควรเป็นสิ่งท่ีถูกจ�ำแนกแยกแยะออกไปจาก
สังคม (exclude) และใคร การกระท�ำ พฤติกรรมใดควรจะถูกน�ำมาผนวกรวมกันให้อยู่ในสังคมได้
(include) การควบคมุ พฤตกิ รรมของผคู้ นในสงั คม ผา่ นกลวธิ กี ารนยิ ามนน้ั คอื การบอกวา่ อะไรคอื สงิ่ ทค่ี วร
ถูกจำ� แนกแยกแยะออกไป (exclude) จากสังคม และส่ิงใดเปน็ สิง่ ที่ควรผนวกรวมเขา้ มา (include) อยู่
ในสังคม กระบวนการดังกล่าวกระท�ำผา่ นเครือ่ งมอื ในการเลา่ เรื่องอยา่ ง ตอนจบ โครงเรอื่ ง และบคุ ลิกตวั
ละคร เพ่ือให้ผู้ชมได้เรียนรู้จากภาพยนตร์ว่าใคร คุณลักษณะใดท่ีสังคมยอมรับ ให้สามารถน�ำมาผนวก
รวมเป็นส่วนหน่ึงของสังคมได้ และคุณลักษณะใดท่ีควรถูกจ�ำแนกแยกแยะออกไป เช่น การให้ตัวละคร
กลับตวั กลบั ใจ เลกิ พฤติกรรมท่ีขัดขนื อำ� นาจของสังคม การได้รบั การลงโทษ การอพยพออกไป ไปจนถงึ
ความตาย เชน่ ความเปน็ โสเภณมี กั เปน็ สงิ่ ทภี่ าพยนตรไ์ ทยเลา่ เรอื่ งใหเ้ ปน็ สง่ิ ทถี่ กู กำ� จดั ออกไปเสมอ ดว้ ย
วิธีการในการก�ำจัดท่ีต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นในลักษณะการให้กลับตัวกลับใจ เลิกเป็นโสเภณีเสีย
จงึ สามารถนำ� มาผนวกรวม (include) เขา้ กบั สงั คม ใชช้ วี ติ เหมอื นคนอน่ื ทวั่ ไปได้ (เทพธดิ าโรงแรม, 2517,
แมเ้ ลอื กเกดิ ได,้ 2525) ในทางตรงกนั ขา้ ม หากการเลา่ เรอื่ งใหต้ วั ละครทย่ี งั ยนื ยนั จะดำ� รงความเปน็ โสเภณี
น้นั อยู่ ตอ้ งประสบเคราะห์กรรม อย่างถูกทอดท้ิง ไมม่ วี ันเจอรักแท้ ติดโรครา้ ย ตดิ คกุ ฆา่ ตวั ตาย ในท่ีสดุ
(กลกามแห่งความรัก, 2532) แต่จะไม่มีเรื่องเล่าในภาพยนตร์ไทยเรื่องไหนเล่าว่าตัวละครสามารถเป็น
โสเภณีไปไดเ้ รอื่ ยๆ อยา่ งมีความสขุ และต่อมามกี ารต้ังองค์กรดูแลพทิ กั ษส์ ิทธิผลประโยชน์