Page 80 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 80
8-70 ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
กลวิธีในการประกอบสร้างอุดมการณ์ผ่านการเล่าเร่ืองในสื่อภาพยนตร์
การเล่าเรื่องในภาพยนตรม์ กี ลวิธใี นการประกอบสรา้ งอดุ มการณ์ ดังน้ี
1. กลวิธีการเล่าเรื่องในภาพยนตร์เพ่ือสร้างพื้นท่ีจริง ๆ ลวง ๆ หรือพ้ืนที่ท่ีมีการผสมผสาน
ระหวา่ งความจรงิ กบั จนิ ตนาการ (real-and-seemingness) เพอื่ ใหอ้ ดุ มการณท์ ำ� งานอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
โดยสามารถทำ� ผา่ นกรรมวิธดี ังต่อไปน้ี
1.1 กระท�ำผ่านเครื่องมือในการเล่าเรื่อง ไมว่ า่ จะเป็น การสร้างบุคลิกตัวละคร ฉาก ภาพ
โครงเร่ือง ตอนจบ และมุมมองในการเล่าเร่ือง เครื่องมือทั้งหมดนี้จะท�ำงานร่วมกันโดยการผสมผสาน
ระหวา่ งสงิ่ ทใ่ี กลเ้ คยี งกบั โลกจรงิ กบั สงิ่ ทถี่ กู ประกอบสรา้ งขนึ้ มาใหม่ เชน่ การหยบิ ยกคณุ สมบตั ขิ องบคุ คล
ท่ีมีตัวตนในโลกจริงบางคุณสมบัติมาใส่ในตัวละคร โครงเรื่อง และตอนจบท่ีถูกประกอบสร้างขึ้น และให้
เรอ่ื งราวทัง้ หมดเกิดขนึ้ ในสถานทท่ี ่มี ีอยู่จรงิ
1.2 การใช้กลวิธีต่าง ๆ ในการสร้างพ้ืนท่ีในตัวบทของภาพยนตร์ให้เช่ือมสัมพันธ์กับโลก
จริงภายนอก ซง่ึ มวี ธิ กี ารตา่ งๆ ทหี่ ลากหลาย ไมว่ า่ จะเปน็ การปรากฏบรรยากาศของโลกจรงิ ในภาพยนตร์
การระบุสถานท่ีในโลกจริงในภาพยนตร์ การอ้างถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ภาพยนตร์
ก�ำลังด�ำเนินเรือ่ ง การข้นึ ขอ้ ความก่อนและหลังจบภาพยนตรเ์ พ่อื เชือ่ มโยงเนอ้ื หาในภาพยนตร์กบั โลกจริง
ทงั้ การเลา่ เรอ่ื งราวทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ ในอนาคต การบอกวา่ จะอทุ ศิ ภาพยนตรน์ ใี้ หก้ บั ใคร การสรปุ ใจความอนั เปน็
แกน่ ของเรอ่ื ง และการบอกเจตนารมณข์ องผสู้ รา้ ง การนำ� เรอื่ งราวทเ่ี กดิ ขนึ้ จรงิ มาสรา้ งในภาพยนตร์ การนำ�
บุคคลทม่ี ีอยู่ในชวี ิตจริงมาสวมบทบาททีใ่ กล้เคียงกับตนเอง การใชน้ ักแสดงคลา้ ยผู้เป็นเจา้ ของเรือ่ งจริงๆ
หรือการประกอบสร้างหน้าตาบุคลิกภาพของนักแสดงให้คล้ายกับเจ้าของเร่ืองมากท่ีสุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ของนักแสดงในปัจจุบัน การแทรกภาพเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนจริงทางประวัติศาสตร์แทรกเข้ามา การอ้างอิง
ถงึ บคุ คลจรงิ ทต่ี วั ตน/การใชเ้ พลงทเี่ กดิ ขนึ้ ในชว่ งเวลาตา่ งๆ มาประกอบเพอื่ ใหผ้ ชู้ มรำ� ลกึ ถงึ บรรยากาศใน
ยุคสมัย ตอกยา้ํ วา่ เรื่องเลา่ ในภาพยนตรน์ ั้นเป็นสงิ่ ทเ่ี กิดข้ึนจริง
2. การเล่าเรอ่ื งที่ท�ำให้เร่อื งที่เลา่ นั้นเป็นทีย่ อมรับกนั โดยทว่ั ไป หรอื ท�ำใหด้ รู าวกบั เปน็ ธรรมชาติ
(naturalization) กลวิธีนี้อุดมการณ์หลักจะถูกสถาปนาโดยท่ีผู้ชมแทบไม่ได้ตระหนักถึงความครอบง�ำท่ี
เกดิ ขนึ้ ผชู้ มจะรสู้ กึ ราวกบั วา่ เปน็ กระบวนการทเี่ กดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติ หรอื เปน็ ไปโดยปรยิ าย (naturalized/
taken-for-granted) โดยภาคปฏิบัติการของอุดมการณ์น้ีไม่ได้อยู่ในระดับจิตส�ำนึกง่ายๆ แต่ท�ำงานลึก
ลงไปในจิตไร้ส�ำนึก (unconscious) เพื่อท่ีจะสร้างความชอบธรรม (legitimize) ให้กับกรอบวิธีคิด
บางอย่าง อนั ม่งุ หมายให้ชนช้ัน (class) เพศ (gender) เชอื้ ชาติ (race) ใดหนึ่งใหอ้ ยู่เหนอื กวา่ อกี กล่มุ
ดังที่ Hayward (Susan Hayward) ไดต้ ้ังขอ้ สงั เกตไวใ้ น “Cinema Studies: The Key Concepts”
ว่าโลกภาพยนตร์ในปัจจุบันนั้น ภาพยนตร์กระแสหลักได้ประกอบสร้างความหมายให้เป็นพื้นท่ีของชน
ชนั้ กลาง ผวิ ขาว เปน็ สงั คมที่ชายเปน็ ใหญ่ และความรกั ท่ยี อมรับไดใ้ นโลกภาพยนตร์คือความรกั ระหว่าง
คนตา่ งเพศเทา่ น้ัน (Hayward, 2006, pp. 285-286)
การเลา่ เรอ่ื งในภาพยนตรจ์ งึ ทำ� หนา้ ทผ่ี ลติ ซาํ้ ความสมั พนั ธท์ างสงั คมทไ่ี มเ่ ทา่ เทยี มกนั เพอ่ื ใหผ้ ชู้ ม
ยอมรับโดยปริยาย ท้ังนี้เครื่องมือในการเล่าเรื่องที่ทรงพลังมากที่สุดในการสร้างความชอบธรรมให้แก่
อุดมการณห์ ลกั ตามแนวคดิ ของนกั ทฤษฎกี ลมุ่ Screen Theory คอื “การจบเร่อื ง” (กาญจนา แกว้ เทพ