Page 79 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 79
การเลา่ เร่ืองในภาพยนตร์ 8-69
ขั้วความสัมพันธ์ เช่น ผู้ชายแข็งแกร่งกว่าผู้หญิง ตะวันตกศิวิไลซ์กว่าตะวันออก โดยภาพยนตร์ใช้หลัก
การดังกล่าวมาประกอบสร้างบคุ ลกิ ของตวั ละครและโครงเร่อื ง
(6) ภาพยนตร์ท�ำการควบคุมพฤติกรรมของผู้คน ผ่านการจ�ำลองภาพเสมือนจริงบนหน้าจอ
แล้วเล่าเร่ืองเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ของการกระท�ำนั้น ซ่ึงอาจเป็นการให้รางวัลหรือการลงโทษ เพ่ือให้ผู้คน
ในสังคมมีพฤติกรรมเป็นไปตามท่ีสังคมก�ำหนด เชน่ การเลา่ เรอื่ งผลอนั เลวรา้ ยของในพฤตกิ รรมทลี่ ะเมดิ
บรรทัดฐาน ธรรมเนียม ปฏิบัติของสงั คมน้ันๆ ใหผ้ ้คู นรบั รู้ เปรยี บเสมอื น “การเชอื ดไก่ใหล้ ิงด”ู เพ่ือท่จี ะ
ทำ� ให้ผู้คนในสังคมประพฤติตนอยู่ในกรอบ บรรทัดฐานของสังคม
(7) ภาพยนตรเ์ ปน็ หนงึ่ ในสถาบนั สอ่ื มวลชนทท่ี ำ� งานรว่ มกบั สถาบนั อน่ื ๆ ในสงั คมไมว่ า่ จะเปน็
ครอบครัว โรงเรียน ศาสนา ฯลฯ ท่ีมุ่งไปสู่อุดมการณ์เดียวกัน หรือเรียกว่า “การก�ำหนดทิศทางของ
อุดมการณ์หลักร่วมกัน” (over-determination) เพ่ือจะติดตั้งกรอบแนวคิดให้ทุกคนรับรู้เข้าใจไปใน
ทิศทางเดียวกัน เช่น เราจะเห็นภาพยนตร์หลายๆ เร่ืองได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตอุดมการณ์ทุนนิยมที่
เนน้ การแขง่ ขนั และความเปน็ ปจั เจกบคุ คล เช่น ชีวิตสาวๆ ภายใตส้ งั คมทุนนยิ มในภาพยนตรเ์ ร่อื ง Sex
and The City (2008/2010) หรือภาพยนตรท์ เ่ี ลา่ เรื่องวัยรุ่นทป่ี ระสบความสำ� เร็จทางธรุ กิจพันลา้ น อย่าง
Top Secret วยั รนุ่ พนั ลา้ น (2554) ซง่ึ อดุ มการณแ์ บบทนุ นยิ มนก้ี ถ็ กู ผลติ ซา้ํ ผา่ นกลไกตา่ งๆ ตง้ั แตส่ ถาบนั
ครอบครัว ในครอบครัวสมัยใหม่ซ่ึงเป็นครอบครัวเดี่ยว สถาบันการศึกษาในโรงเรียนที่เน้นการแข่งขัน
ยกยอ่ งเดก็ เรยี นเกง่ หรอื สถาบนั สอ่ื มวลชน ในรายการประเภทเกมโชวแ์ บบแพค้ ดั ออก การไมม่ ที ยี่ นื สำ� หรบั
คนทอ่ี อ่ นแอ หรอื ในภาพยนตรท์ ใี่ หต้ วั เอกเปน็ นกั ธรุ กจิ ทปี่ ระสบความสำ� เรจ็ เปน็ ตน้ การทำ� งานเพอ่ื กำ� หนด
ทิศทางของอุดมการณ์หลักร่วมกันของสถาบันต่างๆ น้ีก็เพ่ือเตรียมความพร้อมของผู้คนให้อยู่ใต้ปรัชญา
แบบทนุ นยิ ม
(8) ภาพยนตร์ให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกับผลลัพธ์ที่ได้จากการท�ำงานของอุดมการณ์ อาทิ ภาพ
ตัวแทน ภาพเหมารวม ความสัมพันธ์ มายาคติ
(9) การเล่าเรื่องในภาพยนตร์เป็นศูนย์รวมของกลวิธี ที่ประกอบด้วยทั้งไม้นวมหรือกลไกด้าน
อุดมการณ์ (ideological state apparstus/ ISA) และไม้แข็งหรือกลไกด้านการปราบปราม (repressive
state apparatus/ RSA) ตามแนวคิดของอัลธูแซร์ ท่ีเหน็ ว่าการท�ำงานของทง้ั 2 กลไกนีจ้ ะต้องดำ� เนนิ
ควบคกู่ นั ไปเสมอ เพยี งแตว่ า่ ดา้ นไหนจะเปน็ ดา้ นหลกั ดา้ นไหนจะเปน็ ดา้ นรองเทา่ นนั้ (Althusser, 1993,
p. 19)
สำ� หรบั ภาพยนตร์ แมจ้ ะมคี ณุ ลกั ษณะของสอื่ ทเี่ ปน็ กลไกดา้ นอดุ มการณห์ รอื ไมน้ วม แตภ่ าพยนตร์
สามารถท่ีจะประกอบเร่ืองเล่าที่มีเนื้อหาหรือภาพท่ีรุนแรงเปรียบเสมือนการลงโทษได้ เช่น การฉายภาพ
ตวั ละครทถ่ี กู ทำ� รา้ ยจากการลงโทษ ในรปู แบบตา่ งๆ ซงึ่ ถกู จดั วา่ เปน็ “ความรนุ แรงเชงิ สญั ญะ” ตามแนวคดิ
ของ Bourdieu (Pierre Bourdieu) ทเี่ หน็ วา่ ความรนุ แรงเชงิ สญั ลกั ษณน์ เี้ ปน็ การครอบงำ� ทดี่ ำ� เนนิ อยใู่ น
ทุกสถาบันและกลไกต่างๆ ของสังคม ในชีวิตประจ�ำวัน แต่กลับเป็นความรุนแรงที่ผู้ที่ถูกครอบง�ำไม่รู้สึก
ตวั วา่ ไดถ้ กู ใชค้ วามรนุ แรงเพอื่ ทจี่ ะครอบงำ� (กาญจนา แกว้ เทพ และสมสขุ หนิ วมิ าน, 2551, น. 549) และ
ภาพยนตร์เป็นสถาบนั หนึ่งทใี่ ชค้ วามรุนแรงเชิงสญั ลกั ษณ์น้มี าเปน็ เครื่องมือในการควบคุมผู้คนในสงั คม