Page 252 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 252

15-22 ​พฤติกรรมม​ นุษย์​และจ​ ริยธรรมท​ างเ​ศรษฐกิจแ​ ละ​ธุรกิจ

       จากส​ มการข​ ้างบ​ นท​ ีพ่​ ิจารณาว​ ่า สำหรับเ​ศรษฐศาสตรแ์​ ล้ว ปัญหาท​ ีเ่​กิดข​ ึ้นเ​นื่องจากก​ ารไ​มส่​ มดุลก​ ันข​ องค​ วาม​
ต้องการ​และ​สิ่ง​ตอบ​สนอง​ความ​ต้องการ จาก​สมการ​นี้ เรา​จะ​เห็น​ว่า​ใน​ขณะ​ที่​ระบบ​การ​ผลิต​ใน​ปัจจุบัน​สามารถ​เพิ่ม​
ศักยภาพแ​ ละก​ ำลัง​การ​ผลิตใ​นต​ ัวส​ ่วนซ​ ึ่ง​ก็ค​ ือส​ ิ่ง​ตอบส​ นอง​ความต​ ้องการข​ องม​ นุษย์​ได้ม​ าก​ขึ้น​ทุกที ปัญหาท​ ี่​เกิดจ​ าก​
การ​ตอบส​ นองค​ วามต​ ้องการ​ของม​ นุษย์​ที่ม​ ี​อยู่ต​ ามธ​ รรมชาติ​ก็​น่าจ​ ะ​ลด​น้อย​ลง แต่ใ​น​สังคม​ปัจจุบัน ตัว​เศษห​ รือ​ความ​
ต้องการ​ของ​มวลชน​กลับ​ถูก​กระตุ้น​ให้​มี​การ​ขยาย​ตัว​เพิ่ม​มาก​ขึ้น​ไป​ตาม​การ​เพิ่ม​ขึ้น​ของ​ตัว​ส่วน (หรือ​สิ่ง​ตอบ​สนอง​
ความต​ ้องการ) ไปพ​ ร้อมๆ​ กันด​ ้วย ด้วยเ​หตนุ​ ี้  ปัญหาข​ องม​ นุษยใ์​นป​ ัจจุบันจ​ ึงเ​ป็นป​ ัญหาท​ ีข่​ ยายต​ ัวอ​ อกไ​ปไ​ม่มที​ ีส่​ ิ้นส​ ุด
​โดย​ไม่​ตระหนัก​ถึง​สภาพ​ความ​เป็น​จริง​ที่​ว่า ระบบ​นิเวศ​หรือ​ธรรมชาติ​นั้น​มี​ขีด​จำกัด​และ​สามารถ​ตอบ​สนอง​ความ​
ต้องการ​ของ​มนุษย์​ได้​ใน​ระดับ​หนึ่ง​เท่านั้น การ​แก้​ปัญหา​ที่​ถูก​ต้อง​  นัก​เศรษฐศาสตร์​ควร​จะ​หัน​มา​ให้​ความ​สนใจ​
กับก​ ารท​ ำความเ​ข้าใจแ​ ละจ​ ัดการก​ ับต​ ัวเ​ศษห​ รือค​ วามต​ ้องการข​ องม​ นุษยซ์​ ึ่งเ​ป็นต้นต​ อข​ องป​ ัญหาท​ ี่แทจ้​ ริงใ​หเ้​กิด​ ความ​
พอเ​หมาะ​พอดีม​ ากกว่าเ​ข้าไปต​ ิด​อยู่ก​ ับก​ ับ​ดับ​ของก​ าร​จัดการ​เพิ่ม​สิ่ง​ตอบส​ นอง​ความต​ ้องการแ​ ต่​เพียงอ​ ย่าง​เดียว

       การ​ศึกษา​และ​ทำความ​เข้าใจ​พฤติกรรม​การ​บริโภค​ของ​มนุษย์​จำเป็น​ต้อง​อาศัย​มิติ​ของ​การ​ศึกษา​ที่​หลาก​
หลาย​และ​ซับ​ซ้อน​มาก​ยิ่ง​ขึ้น​กว่า​การ​ทำความ​เข้าใจ​การ​บริโภค​เฉพาะ​ใน​มิติ​ทาง​เศรษฐศาสตร์ เนื่องจาก​กิจกรรม​การ​
บริโภคใ​นป​ ัจจุบันม​ ิใช่เ​ป็นก​ ิจกรรมเ​พื่อต​ อบส​ นองค​ วามต​ ้องการท​ ี่ม​ ีเ​หตุม​ ีผ​ ลบ​ นพ​ ื้นฐ​ านข​ องอ​ รรถประโยชน์ห​ รือค​ วาม​
พึง​พอใจ​บน​พื้น​ฐาน​ของ​ความ​ต้องการ​ทาง​ด้าน​ร่างกาย​เท่านั้น ความ​เข้าใจ​ใน​ประเด็น​ความ​ซับ​ซ้อน​ของ​การ​บริโภค​นี้
นัก​เศรษฐศาสตร์ไ​ด้​คำนึง​ถึง​และพ​ ยายาม​อธิบาย แต่​กลับ​ให้ค​ วามส​ นใจใ​นฐ​ านะท​ ี่เ​ป็นข​ ้อ​ยกเ​ว้​นทางทฤษฎี​ของท​ ฤษฎ​ี
ทั่วไปข​ อง​อุปสงค์ เช่น ผลข​ อง​การเ​ลียน​แบบ​การบ​ ริโภค (bandwagon effect) ของ​ไลเ​บน​ส​ไตน์ (Libenstien) ที่ว​ ่า​
ผู้บ​ ริโภคม​ ีค​ วามต​ ้องการบ​ ริโภค​สินค้า​ชนิดใ​ด​ชนิดห​ นึ่ง​ไม่​ได้​เกิดจ​ ากค​ วามต​ ้องการ​หรือค​ วามจ​ ำเป็น แต่เ​กิด​จากก​ าร​ที​่
เห็นบ​ ุคคลอ​ ื่นใ​น​สังคมท​ ำการ​บริโภค จึงเ​กิด​ความ​ต้องการ​ที่​จะบ​ ริโภค​ตาม หรือผ​ ลข​ อง​เวเบล​ น (Veblen effect) ของ​
เวเบล​ น (Veblen) ที่ว​ ่าผ​ ู้บ​ ริโภคม​ ีค​ วามต​ ้องการบ​ ริโภคส​ ินค้าช​ นิดห​ นึ่งใ​นป​ ริมาณท​ ี่เ​พิ่มข​ ึ้นเ​มื่อร​ าคาส​ ินค้าช​ นิดน​ ั้นเ​พิ่ม​
สูงข​ ึ้น ซึ่งข​ ัดก​ ับก​ ฎข​ องอ​ ุปสงคท์​ ีเ่​ข้าใจก​ ัน เนื่องจากผ​ ูบ้​ ริโภคเ​ข้าใจว​ ่าส​ ินค้าท​ ีม่​ รี​ าคาส​ ูงน​ ั้นจ​ ะม​ คี​ ุณภาพห​ รือค​ ุณลักษณะ​
ที่​พิเศษม​ ากกว่า จึง​ทำให้ต​ ้องการ​บริโภคส​ ินค้า​นั้น​มากข​ ึ้นเ​มื่อร​ าคาส​ ินค้าส​ ูงข​ ึ้น

       การ​ขยาย​การ​วิเคราะห์​พฤติกรรม​การ​บริโภค​เพื่อ​ให้​เกิด​ความ​เข้าใจ​มาก​ยิ่ง​ขึ้น​ต้อง​ครอบคลุม​การ​พิจารณา​
ในม​ ิต​ ิอ​ ื่นๆ เช่น จิต​วิเคราะห์ (Psychoanalysis) มนุษยว​ ิทยา (Anthropology) และสังคมวิทยา (Sociology) จนถ​ ึง​
สัญญ​วิทยา (Semiology) ตัวอย่าง​เช่น กัลเบล (Galbraith) ได้​กล่าว​ไว้ใ​น The Affluent Society ว่าการว​ ิเคราะห์​
ทาง​เศรษฐศาสตร์​ที่​มี​พื้น​ฐาน​อยู่​บน​ความ​ขาดแคลน​เป็น​เรื่อง​ที่​ล้า​สมัย และ​จำเป็น​ต้อง​มี​การ​เปลี่ยนแปลง​บริบท​ของ​
การ​อรรถาธิบาย​หรือ​ทำความ​เข้าใจ​ปัญหา​ให้​สอดคล้อง​กับ​สภาพ​ที่​ดำรง​อยู่ เนื่องจาก​ระบบ​ทุนนิยม​สมัย​ใหม่​ได้​มี​การ​
พัฒนาพ​ ลังก​ ารผ​ ลิตอ​ ยู่ใ​นร​ ะดับข​ ั้นท​ ี่ส​ ูง มีก​ ารข​ ยายต​ ัวข​ องก​ ระบวนการผ​ ลิตข​ นาดใ​หญ่ การพ​ ัฒนาท​ างเ​ทคโนโลยที​ ี่ก​ ่อ​
ให้เ​กิดกา​รเ​พิ่มข​ ึ้นใ​นศ​ ักยภาพข​ องก​ ารผ​ ลิต ดังน​ ั้น ระบบเ​ศรษฐกิจส​ ังคมใ​นป​ ัจจุบันจ​ ึงไ​ม่ใชร่​ ะบบข​ องก​ ารเ​ข้าไปจ​ ัดการ​
กับค​ วามข​ าดแคลน (scarcity) และค​ วามย​ ากไร้ อย่างท​ ี่เ​ข้าใจ หากแ​ ต่เ​ป็นร​ ะบบเ​ศรษฐกิจส​ ังคมท​ ี่ต​ ้องเ​ข้าไปจ​ ัดการก​ ับ​
ปัญหา​ของค​ วามล​ ้น​เกิน (abundance) และ​ความ​มั่งคั่ง (affluent)

       เวเบล​ น (Veblen) กล่าวถ​ ึงช​ นชั้นเ​สพส​ ุขข​ องส​ ังคม (leisure class) ที่น​ อกจากจ​ ะน​ ำเ​อาส​ ่วนเ​กินข​ องส​ ังคมไ​ป​
บริโภคอ​ ย่างฟ​ ุ่มเฟือย​ (conspicious consumption) แล้ว ยังไ​ดส้​ ร้างร​ ูปแ​ บบก​ ารบ​ ริโภคท​ ีส่​ ิ้นแ​ ปล​ ือง​ ​ ตลอดถ​ ึงร​ ูปแ​ บบ​
ของก​ ารใ​ชช​้ วี ติ แ​ บบส​ ขุ ส​ บายจ​ ากก​ ารอ​ ยวู​่ า่ งๆ ขึน้ ม​ าเ​ปน็ แ​ บบอ​ ยา่ งค​ รอบงำท​ างค​ ณุ คา่ แ​ กช​่ นชัน้ อ​ ืน่ ข​ องส​ งั คมผ​ า่ นส​ ถาบนั ​
การเมือง เศรษฐกิจ และส​ ังคม ผลัก​ดันใ​ห้​เกิด​การเ​ลียน​แบบ​และ​แข่งขัน​กัน​บริโภค (emulative consumption)

       สำหรับโ​บด​ ริย​ าร์ด (Baudrillard) เห็นว​ ่าการบ​ ริโภคใ​น​ปัจจุบัน​ไม่ไ​ด้เ​กิดข​ ึ้นจ​ าก​การใ​ห้ค​ วาม​สำคัญ​กับ​คุณค่า​
ในก​ าร​ใช้สอย (use value) หาก​แต่​เป็นการ​ให้ค​ วามส​ ำคัญ​กับค​ ุณค่า​ใน​เชิงส​ ัญญะ (sign value) นั่น​คือ สินค้า​ไม่​ได้ม​ ี
หนา้ ท​ ขี​่ องก​ ารใ​ชส้ อยอ​ กี ต​ อ่ ไ​ป หากแ​ ตเ​่ ปลยี่ นม​ าม​ หี นา้ ท​ ใ​ี่ นก​ ารใ​หค​้ วามห​ มายข​ องส​ ญั ญะแ​ ทน ตวั อยา่ งเ​ชน่ การบ​ รโิ ภคน​ ม

                             ลิขสทิ ธข์ิ องมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช
   247   248   249   250   251   252   253   254   255   256   257