Page 248 - พฤติกรรมมนุษย์และจริยธรรมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ
P. 248
15-18 พฤติกรรมม นุษย์และจ ริยธรรมทางเศรษฐกิจและธ ุรกิจ
เรอ่ื งที่ 15.2.1
เศรษฐศาสตร์แนวพ ทุ ธก ับการพ ฒั นาเศรษฐกจิ
สำหรับเศรษฐศาสตร์แนวพุทธแล้ว การพัฒนาเศรษฐกิจมีความสำคัญ เนื่องจากเห็นว่าการจัดการทาง
เศรษฐกิจหรือการสร้างความอยู่ดีกินดีทางวัตถุปัจจัยเป็นสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต และถือเป็นการดับทุกข์เบื้อง
ต้นทางก ายภาพข องม นุษย์ในฐ านะข องป ัจเจกบุคคลเพื่อส นองค วามต ้องการต ามธ รรมชาติด ้านร ่างกาย และพ ิจารณา
ว่าห ากม นุษย์ย ังค งอ ดอยากย ากแ ค้นห รือผ จญก ับค วามท ุกข์แ ละแ รงบ ีบค ั้นท างก ายภาพแ ล้ว ก็ย ากท ี่มนุษย์จ ะท ำการ
พัฒนาตนเองส ร้างประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นแ ก่ช ีวิตของตนและผู้อ ื่นในสังคมได้ ดังท ี่พระพุทธเจ้าตรัสไว้กว่า “ความห ิว
เป็นโรคที่ร้ายแรงท ี่สุด สังขารท ั้งห ลายเป็นทุกข์ที่ห นักหน่วงท ี่สุด” และ “ความจ นเป็นท ุกข์ในโลก”
นอกจากนี้ ในระดับสังคม เศรษฐศาสตร์แนวพุทธยังย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างความมั่นคง
ทางเศรษฐกิจว่าเป็นรากฐานที่สำคัญที่จะสนับสนุนให้เกิดความสงบสุขแก่สังคม เศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องที่จะต้อง
พิจารณาควบคู่ไปกับมิติทางศีลธรรม เนื่องจากศีลธรรมจะดีได้ต้องอาศัยการเกื้อหนุนจากการจัดการทางเศรษฐกิจ
ที่ม ีป ระสิทธิภาพด้วย ในก ูฏท ันตส ูตร พระพุทธองค์ได้ทรงแ นะนำก ูฏทันตพ ราหมณ์เกี่ยวกับว ิธีปราบป รามอ าชญากร
และอาชญก รรมว่า การปราบปรามอาชญากรและอาชญากรรมด ้วยวิธีก ารต่างๆ ไม่ว่าจ ะเป็นการป ระหาร จองจำ การ
ปรับไหม การตำหนิโทษ หรือก ารเนรเทศ ก็ไม่ใช่การปราบป รามท ี่ม ีประสิทธิภาพ หากแ ต่ทรงแนะนำให้เข้าไปจ ัดการ
พัฒนาเศรษฐกิจและสร้างความกินดีอยู่ดีด้วยวิธีการที่ทำให้ทุกคนมีงานมีอาชีพที่ดีทำตามความเหมาะสมกับความรู้
ความส ามารถของเขา ซึ่งน อกจากจะสร้างค วามม ั่นคงภายในครัวเรือนแล้ว ยังม ีผลให้สังคมมีค วามส งบส ุข
เศรษฐศาสตรแ์ นวพ ุทธจ ึงย อมรับต ่อห ลกั ก ารข ัน้ พ ื้นฐ านท ีว่ ่าม นุษยแ์ ละส งั คมไมอ่ าจด ำรงอ ยูไ่ ดโ้ดยป ราศจาก
วัตถุปัจจัย เมื่อมนุษย์และสังคมไม่อาจดำรงอยู่โดยปราศจากวัตถุปัจจัย มนุษย์จะเข้าไปสัมพันธ์กับวัตถุปัจจัยนั้น
อย่างไร ด้วยเหตุน ี้ เศรษฐศาสตรแ์ นวพ ุทธจ ึงใหค้ วามส ำคัญก ับก ารส ร้างค วามเข้าใจท ีถ่ ูกต ้องในค วามส ัมพันธร์ ะหว่าง
มนษุ ยก์ บั ว ตั ถปุ จั จยั น ัน้ ๆ ใหเ้ ปน็ ไปด ว้ ยค วามถ กู ต อ้ งเหมาะส มส อดคลอ้ งไปก บั ว ตั ถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ ห มายท ีแ่ ทจ้ รงิ ข อง
ชีวิต เพราะก ารส นองต อบค วามต ้องการท างว ัตถแุ มจ้ ะม กี ารพ ัฒนาใหพ้ รั่งพ ร้อมส มบูรณเ์พียงใดก ม็ ิใชเ่ป็นเป้าประสงค์
ในต ัวข องม นั เอง แตต่ อ้ งการใหพ้ ิจารณาว า่ การพ ัฒนาท างเศรษฐกจิ แ ละส งั คมโดยก ารส นองต อบค วามต อ้ งการท างว ตั ถุ
เป็นเพียงวิถีทาง หรือ “มรรค” ไปสู่ก ารเข้าถึงค ุณภาพชีวิตท ี่ได้สมดุลของมนุษย์ สังคม และธรรมชาติ
สำหรับเศรษฐศาสตร์แนวพุทธ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือความมั่งคั่งจากการพัฒนาเศรษฐกิจไม่
ได้เป็นเป้าหมายในตัวเอง การวัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติหรือระดับรายได้
ประชาชาติ จึงไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่สะท้อนให้เห็นถ ึงร ะดับของก ารพัฒนา เนื่องจากการพ ัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นเพียง
เครื่องม ือ สำหรับเศรษฐศาสตรแ์ นวพ ุทธ การพ ัฒนาท ี่แทจ้ ริงน ั้นเน้นเอาม นุษย์เป็นศ ูนย์กลาง กล่าวค ือ ให้ค วามส ำคัญ
กับการพัฒนามนุษย์เป็นห ลัก อย่างไรก ็ตามก ารย ึดเอาม นุษย์เป็นศูนย์กลางในการพัฒนานั้น ไม่ได้ถือเอาม นุษย์เป็น
ใหญแ่ ละน ำเอาท กุ ส ิง่ ท กุ อ ย่างม าต อบส นองค วามต อ้ งการข องม นุษย์ หากแ ตเ่ ป็นการพ ฒั นาแ บบอ งคร์ วม คอื ก ารพ ฒั นา
มนุษย์ต้องอาศัยความเป็นไปอย่างประสานเกื้อกูลกันของ 3 องค์ประกอบ คือ ตัวมนุษย์เอง สังคม และธรรมชาติ
แวดล้อม ดังที่ได้กล่าวไปแล้วถึงความเชื่อมโยงของความสัมพันธ์ทั้งสามระดับในเรื่องที่ 15.1.1 ดังนั้น การพัฒนา
ในทัศนะของเศรษฐศาสตร์แนวพุทธจึงครอบคลุมมากไปกว่าการพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นการพัฒนาที่ให้ความสำคัญ
ครอบคลุมท ั้ง การพ ัฒนามนุษย์ สังคม และธรรมชาติไปพ ร้อมๆ กันในร ูปแบบข องก ารพัฒนาแ บบยั่งยืน
ลิขสทิ ธขิ์ องมหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช

