Page 181 - อาหารและโภชนบำบัด
P. 181
อาหารกับโรคความดันโลหิตสูง 10-51
4. 4.1 ก.
4.2 ก.
4.3 ข.
4.4 ข.
4.5 ก.
4.6 ข.
4.7 ก.
4.8 ข.
4.9 ก.
4.10 ข.
เรอ่ื งที่ 10.4.4
อาหารจ�ำ กัดหรือดัดแปลงคารโ์ บไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบที่จำ�เป็นในอาหารและมีหน้าที่สำ�คัญคือ ให้พลังงาน เมื่อกินอาหารที่ให้
พลังงานมากย่อมต้องได้รับคาร์โบไฮเดรตมากตามส่วนและเมื่อต้องจำ�กัดพลังงานย่อมได้รับคาร์โบไฮเดรตน้องลง
ตามส่วน
อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงปานกลางคือ ให้พลังงานประมาณร้อยละ 60 ของพลังงานที่ได้รับจากอาหารใน
1 วัน ถ้าให้พลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี ควรได้รับจากคารโบไฮเดรต 290 กรัม แต่ถ้าให้พลังงานวันละ 3,000
กิโลแคลอรี ควรได้รับจากคาร์โบไฮเดรตประมาณ 435 กรัม
ฉะนัน้ จะจ�ำ กดั ปรมิ าณคารโ์ บไฮเดรตใหน้ อ้ ยกต็ อ่ เมือ่ ตอ้ งการลดหรอื จ�ำ กดั พลงั งานทีไ่ ดร้ บั จากอาหารเทา่ นัน้
ดังเช่น ในกรณีที่ต้องการให้ผู้ป่วยลดนํ้าหนักตัวลงเพื่อป้องกันหรือรักษาโรคบางอย่าง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด
(ซึ่งรวมโรคความดันโลหิตสูงด้วย) และโรคอื่นๆ
เมื่อแพทย์สั่งจำ�กัดอาหารที่ให้พลังงาน เช่น ไขมันหรือโปรตีนนั้น หากมิได้จำ�กัดพลังงานให้น้อยลงไปด้วย
ย่อมจะต้องเพิ่มคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น เพื่อไปชดเชยพลังงานที่ได้รับจากไขมันหรือโปรตีนที่ลดลง
สรุปได้ว่า การจำ�กัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตจะทำ�ต่อเมื่อต้องการจำ�กัดพลังงานในอาหารให้น้อยลงเท่านั้น
1. การดดั แปลงชนดิ ของคารโ์ บไฮเดรต
เมื่อคนเรากินอาหารจำ�พวกแป้ง จะต้องผ่านการย่อยเป็นนํ้าตาลสองชั้นก่อนแล้วจึงย่อยเป็นนํ้าตาลชั้นเดียว
ในที่สุดจึงถูกดูดซึมได้ ถ้ากินพวกนํ้าตาลซูโครสจะผ่านการย่อยเป็นนํ้าตาลชั้นเดียวจึงถูกดูดซึม สรุปได้ว่าไม่ว่าจะ
กินแป้งหรือนํ้าตาลในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นนํ้าตาล
แม้ว่าทั้งแป้งและนํ้าตาลนํ้าหนักเท่ากันจะถูกเผาผลาญในร่างกายให้พลังงานได้เท่ากัน แต่การกินแป้ง
ซึง่ เปน็ คารโ์ บไฮเดรตเชงิ ซอ้ นมากกบั การกนิ นํา้ ตาล ซึง่ เปน็ คารโ์ บไฮเดรตทผี่ า่ นการแปรรปู มาแลว้ มากใหผ้ ลแตกตา่ งกนั
ลิขสิทธข์ิ องมหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช