Page 126 - สังคมโลก
P. 126

7-20 สังคมโลก

ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 จนถึงการรุกรานโดยสุลต่านบัคเตียร์ คัลยี ชาวตุรกี ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เพื่อทำ�ลาย	
พุทธศาสนาและศาสนาฮินดู จนทำ�ให้พุทธศาสนาสูญสิ้นไปจากอินเดีย แต่ศาสนาฮินดูยังยืนหยัดต่อสู้อยู่ได้31 และ
ความขดั แยง้ ไดด้ �ำ รงตอ่ มาจนถงึ ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 20 จนเปน็ สาเหตใุ หม้ กี ารแบง่ แยกประเทศเปน็ อนิ เดยี และปากสี ถาน
ตามมาด้วยการสู้รบบริเวณชายแดนของ 2 ประเทศ และสงครามก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 21 เป็นต้น

7. 	 การเกดิ สงคราม

       สงครามอาจเริ่มขึ้นจากการประกาศสงครามอย่างเป็นทางการระหว่างคู่ขัดแย้งหรือโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เช่น
ในกรณีสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อังกฤษและฝรั่งเศสประกาศสงครามกับเยอรมนีในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1939 หลัง
จากที่เยอรมนีรุกรานโปแลนด์ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 เป็นต้น

       สงครามอาจเกิดขึ้นจากการที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยื่นคำ�ขาด (Ultimatum)32 ให้อีกฝ่ายหนึ่งดำ�เนินการใดๆ ตาม
ที่ตนต้องการภายในกำ�หนดระยะเวลาที่แน่นอน เช่น ในกรณีสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ออสเตรีย-ฮังการียื่นคำ�ขาดต่อ	
เซอร์เบียในวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1914 ให้เซอร์เบียหยุดยั้งการดำ�เนินการใดๆ ที่เป็นการกล่าวร้ายต่อราชวงศ์	
ฮับสเบิร์กของออสเตรีย และหยุดการกระทำ�ทุกอย่างที่เป็นการคุกคามความมั่นคงของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
โดยรัฐบาลออสเตรีย-ฮังการีจะรอรับการตอบรับคำ�ขาดดังกล่าวภายในวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1914 เวลา 18.00
นาฬิกาตรง มิฉะนั้นรัฐบาลออสเตรีย-ฮังการีจะประกาศสงครามกับเซอร์เบีย ซึ่งในที่สุดเซอร์เบียก็ไม่ได้ตอบรับ	
คำ�ขาดดังกล่าว ทำ�ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้น

       สงครามอาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งด�ำ เนินมาตรการทางทหารต่ออีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่มีการ
ประกาศสงครามก่อนล่วงหน้า เช่น กรณีที่ญี่ปุ่นใช้ฝูงบินของกองทัพเรือบุกโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ในหมู่เกาะฮาวาย
ของสหรัฐอเมริกาในวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 1941 อันหมายถึงการประกาศสงครามของญี่ปุ่นต่อสหรัฐอเมริกา และ
ทำ�ให้สหรัฐอเมริกาซึ่งวางตัวเป็นกลางมาโดยตลอดต้องเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งแต่นั้นมา

       สงครามอาจเกิดขึ้นโดยมีการกระทำ�ที่แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ของคู่ขัดแย้งเป็นลำ�ดับขั้นตอนออกมาให้เห็น
อย่างชัดเจน ซึ่งกระบวนการที่นำ�ไปสู่สงครามมีดังนี้33

       1. 	เกิดความตึงเครียด (Tension) ระหว่างคู่กรณีอันเนื่องมาจากความขัดแย้งในปัญหาด้านใดด้านหนึ่งหรือ
หลายๆ ด้าน

       2. 	คู่ขัดแย้งมีการเตรียมพร้อมทางทหาร (Military preparation) โดยให้ทหารประจำ�การเตรียมกำ�ลังเต็ม
อัตราศึก

       3. 	มีการแสดงการคุกคามต่อกัน (Threat) เช่น การแสดงแสนยานุภาพของกำ�ลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์
เป็นต้น

       4. 	มีการระดมพล (Mobilization) โดยการเกณฑ์ทหารเข้าประจำ�การเพิ่ม มีการเรียกกองกำ�ลังสำ�รองที่เป็น
ทหารกองหนุนเข้ารายงานตัว และอาจมีการจัดตั้งกองกำ�ลังพลเรือนติดอาวุธซึ่งเป็นกำ�ลังเสริม

       5. 	มีการตรึงกำ�ลังทหารบริเวณชายแดน (Border hostilities) ซึ่งในสภาวะสันติจะไม่มีการตั้งกองทหาร
ค่ายทหาร หรือป้อมปราการประชิดพรมแดนมิตรประเทศ

	 31 พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) กาลานุกรมพระพุทธศาสนาในอารยธรรมโลก กรุงเทพมหานคร สำ�นักพิมพ์ผลิธัมม์ 2552 หน้า
80-99	
	 32 Ultimatum (อุลติมาตุม) เป็นภาษาลาติน แปลว่า “สิ่งสุดท้าย” ซึ่งมีการแปลความหมายในทางการทูตว่า “การคุกคามว่าจะประกาศ
สงคราม” (threat to declare war)	
	 33 Wright, op.cit., p. 453.

                             ลิขสทิ ธข์ิ องมหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช
   121   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131