Page 159 - สังคมโลก
P. 159
สงครามกับการเปลี่ยนแปลงในสังคมโลก 7-53
แนวตอบกิจกรรม 7.3.1
สงครามสร้างความย่ิงใหญ่และความเป็นปึกแผ่นให้แก่รัฐ เช่น การขยายอำ�นาจของจักรวรรดิโรมัน
เปน็ ตน้ ในขณะเดยี วกนั สงครามกท็ �ำ ลายรฐั ใหส้ ญู สลายหรอื กลายเปน็ เมอื งขน้ึ ของรฐั อนื่ ได้ เชน่ อาณาจกั รคารเ์ ทจ
เปน็ ตน้ สงครามสรา้ งวรี บรุ ษุ และวรี สตรี เชน่ พระเจา้ อเลก็ ซานเดอรแ์ หง่ มาเซโดเนยี เปน็ ตน้ แตใ่ นทางตรงขา้ ม
สงครามก็ทำ�ให้เกดิ ทรราชไดเ้ ชน่ กนั เชน่ จกั รพรรดฉิ ินสื่อหวงต้แี ห่งราชวงศฉ์ นิ ของจนี เปน็ ต้น
เร่ืองที่ 7.3.2
ผลของสงครามยคุ สมัยใหม่
ในครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 15 พฒั นาการของอาวธุ ยทุ โธปกรณ์ โดยเฉพาะการคน้ พบดนิ ปนื และการประดษิ ฐอ์ าวธุ ที่
ยิงกระสุนดินดำ� ได้ทำ�ให้ยุทธศาสตร์การสงครามเปลี่ยนแปลงไป ผลของการสู้รบมีความรุนแรงมากขึ้น ทำ�ให้นักการ
ทหารและนักประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการทำ�สงคราม ซึ่งสงครามยุคใหม่นี้ให้ก่อให้เกิดผลลัพธ์
ที่สำ�คัญดังนี้
1. ผลของสงครามดา้ นการเมอื ง
สงครามที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำ�คัญในทวีปยุโรปคือสงคราม 30 ปี ระหว่าง ค.ศ. 1618-
1648 ซึง่ เปน็ สงครามระหวา่ งครสิ ตศ์ าสนานกิ ายโรมนั คาทอลกิ กบั นกิ ายโปรเตสแตนต์ ในชว่ งยคุ กลางของยโุ รประหวา่ ง
คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง 15 นั้น อำ�นาจทางการเมืองและสังคมตกอยู่ในมือขององค์กรคริสต์ศาสนา คือเมื่อจักรวรรดิ
โรมนั เสือ่ มสลายลง ดนิ แดนในทวปี ยโุ รปไดแ้ บง่ แยกออกเปน็ แวน่ แควน้ นอ้ ยใหญ่ เชน่ อติ าลแี บง่ ออกเปน็ รฐั ลอมบารด์ ี
โรมานญา ทัสคานี เนเปิล ซิซิลี รัฐสันตะปาปา ฯลฯ เยอรมนีแบ่งออกเป็นรัฐแซกซอน ฟรังโกเนีย บาวาเรีย ชวาเบน
ไมเซน ฯลฯ ฝรั่งเศสแบ่งออกเป็นรัฐบูร์กอญ เบรอตาญ กาสกอญ ตูลูส โพรวองส์ ฯลฯ เป็นต้น สเปนและยุโรปตะวัน
ออกก็แบ่งแยกเป็นรัฐต่างๆ เช่นกัน ดังนั้นอำ�นาจทางการเมืองของชนชาติต่างๆ จึงกระจัดกระจายไม่เป็นเอกภาพ
และมีการทำ�สงครามระหว่างแคว้นต่างๆ อยู่เสมอ แต่เจ้าผู้ครองแคว้นและประชาชนในแคว้นเหล่านี้นับถือคริสต์
ศาสนา และให้ความเคารพยำ�เกรงต่อพระสันตะปาปาซึ่งเป็นประมุขแห่งศาสนจักรของชาวคริสต์ทั้งมวล ดังนั้นพระ
สันตะปาปาจึงเป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของคริสต์ศาสนิกชน ยิ่งเมื่อพระเจ้าชาร์เลอมาญแห่งชนชาติฟรังก์สามารถท�ำ
สงครามรวมดนิ แดนฝรัง่ เศส เยอรมนี อติ าลภี าคเหนอื และยโุ รปตะวนั ตกทัง้ หมดเปน็ อาณาจกั รอนั ยิง่ ใหญไ่ ดแ้ ลว้ และ
ได้ให้พระสันตะปาปาเลโอที่ 3 ทรงสวมมงกุฏจักรพรรดิให้ใน ค.ศ. 800 ยิ่งเป็นการประกาศยอมรับความยิ่งใหญ่ของ
ประมขุ แห่งคริสตศ์ าสนจกั รเหนอื ประมขุ แหง่ อาณาจกั รทัง้ หลายในยโุ รป ตอ่ มาใน ค.ศ. 962 พระสนั ตะปาปาโยอนั เนส
ที่ 12 ยังได้สวมมงกุฏให้แก่พระเจ้าออตโตที่ 1 ผู้ปกครองดินแดนเยอรมันที่สืบต่อมาจากอาณาจักรของพระเจ้า
ชาร์เลอมาญ และยังทรงประกาศให้อาณาจักรของพระเจ้าออตโตที่ 1 เป็น “จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์” (Imperium
Romanum Sacrum หรือ Holy Roman Empire) อีกด้วย อำ�นาจของคริสต์ศาสนาจักรในยุโรปจึงสูงสุดทั้งทางการ
เมืองและทางสังคมตั้งแต่นั้นมา ถ้าประมุขรัฐใดไม่เชื่อฟังหรือไม่ยอมรับอำ�นาจของพระสันตะปาปา ก็อาจถูกประกาศ
ลิขสิทธ์ิของมหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช