Page 202 - สังคมโลก
P. 202

8-8 สังคม​โลก

​การ​ปฏิบัติ​หน้าที่​ของ​ตน การ​ทำงาน​ร่วม​กัน​เพื่อ​ความ​มั่งคั่ง​และ​การ​อยู่ดี​กิน​ดี​ของ​องค์การ​ระหว่าง​ประเทศ​นี้​จะ​นำ​สู่​
สนั ตภิ าพแ​ ละเ​ปน็ ส​ งั คมโ​ลกท​ ปี​่ ราศจากส​ งคราม   กลุม่ แ​ นวคดิ ภ​ ารกจิ น​ ยิ มน​ เี​้ ชือ่ ว​ า่ การเ​ปลีย่ นค​ วามจ​ งรกั ภ​ กั ดต​ี อ่ ร​ ฐั ช​ าต​ิ
ไป​เป็น​ความ​จงรัก​ภักดี​ต่อ​องค์การ​ตาม​ภาระ​หน้าที่ (Functional Organisation) ความ​จงรัก​ภักดี​นี้​จะ​เกิด​ขึ้น​ได้​
ก็​ต่อ​เมื่อ​ประชาชน​มอง​เห็น​ว่าการ​จัดหา​สิ่ง​จำเป็น​ร่วม​กัน​รวม​ถึง​สินค้า​และ​บริการ​นั้น​ขึ้น​อยู่​กับ​ความ​ร่วม​มือ​ข้าม​ชาติ
(Transnational Cooperation) โดย​ยึดถือ​การ​คำนวณ​ถึง​ประโยชน์​สูงสุด​ที่​จะ​ได้​รับ (Utilitarian Calculus) ซึ่ง​
ประชาชนจ​ ะ​ตระห​ นัก​ถึงป​ ระโยชน์​สูงสุดจ​ าก​การเ​ข้าร​ ่วม​กับ​องค์การร​ ะหว่างป​ ระเทศด​ ัง​กล่าว

       เดวิด มิ​ทรา​นี่ (David Mitrany) ได้ร​ ับอ​ ิทธิพล​ทางค​ วาม​คิด​แบบป​ ระชาธิปไตยส​ ังคมแ​ บบเ​ฟ​เบี้ย​น (Fabian
Social Democracy) โดย​เฉพาะ​เรื่องร​ ัฐ​สวัสดิการ​สังคมท​ ี่​รัฐ​จำเป็น​ต้องจ​ ัดหา​สินค้า​และ​บริการเ​พื่อส​ นองต​ อบ​ความ​
จำเป็นร​ ่วมก​ ัน เชื่อก​ ัน​ว่าการ​ร่วมม​ ือ​ในส​ าขา​ใด​สาขาห​ นึ่ง​จะ​ช่วยส​ ่ง​เสริม​ให้​เกิดค​ วามร​ ่วมม​ ือ​ใน​สาข​ าอ​ ื่นๆ ตาม​มาด​ ้วย
ซึ่งม​ ทิ​ ราน​ ีพ่​ ยายามอ​ ธิบายว​ ่าแ​ นวคิดภ​ ารกิจน​ ิยมข​ ัดแ​ ย้งก​ ับแ​ นวคิดส​ หพันธรัฐน​ ิยมอ​ ย่างช​ ัดเจนเ​นื่องจากส​ หพันธรัฐจ​ ะ​
ยดึ แ​ นวทางอ​ ำนาจข​ องน​ ติ ร​ิ ฐั ท​ ถี​่ กู ก​ ำหนดไ​วใ​้ นร​ ฐั ธรรมนญู แ​ ละจ​ ะพ​ จิ ารณาถ​ งึ ก​ ารแ​ บง่ อ​ ำนาจ (Power Sharing) ระหวา่ ง​
องค์การ​เหนือ​รัฐ​และ​รัฐ​ต่างๆ มากกว่า​การ​จัดหา​สิ่ง​จำเป็น​ร่วม​กัน6 นอกจาก​นี้​มิ​ทรา​นี่​ไม่​เห็น​ด้วย​กับ​กา​รบู​รณา​การ
ใ​นร​ ะดบั ภ​ ูมิภาคซ​ ึ่งเ​ป็นการเ​บีย่ งเ​บนจ​ ากเ​ป้าห​ มายท​ ีแ่ ทจ้​ ริงข​ องก​ าร​ บรู​ ณาก​ ารร​ ะดับส​ ากล (International Integration)
ซึ่ง​เป็น​แนวทาง​ที่​มิ​ทรา​นี่​ยึดถือ​ว่า​เป็น​แนวทาง​ที่​ควร​จะ​เป็น ยิ่ง​ไป​กว่า​นั้น​การ​รวม​กัน​เป็น​สหพันธรัฐ​ใน​ภูมิภาค
(Regional Federations) จะ​ทำให้​รัฐ​เป็น​มหาอำนาจ​ได้​ง่าย​ขึ้น เขา​เห็น​ว่า​ประเด็น​ปัญหา​เก่าๆ ของ​ความ​เป็น​รัฐ​ชาติ​
ควรไ​ด้ร​ ับก​ าร​เปลี่ยนแปลง​และ​แก้ไขด​ ้วยอ​ งค์การร​ ะหว่าง​ประเทศใ​น​รูปแ​ บบใ​หม่

       แนวคิดภ​ ารกจิ น​ ยิ มใ​หม ่   เป็น​แนวคิด​ว่าด​ ้วย​การ​บูรณาการ (Theory of Integration) ซึ่ง​เอิร์นส์ ฮาส (Ernst
Haas) ได้​เป็น​ผู้​เสนอ​แนวคิด​นี้​ขึ้น​ใน​ปี 1958 จาก​การ​ศึกษา​กา​รบู​รณา​การ​ระดับ​ภูมิภาค (Regional Integration)
ฮา​สอธิ​บาย​ว่า​กา​รบู​รณา​การ​เป็นการ​สร้าง​ความ​สมัคร​ใจ​ของ​หน่วย​การเมือง​ขนาด​ใหญ่​ซึ่ง​แต่ละ​หน่วย​ละเว้น​การ​ใช้​
กำลัง​ใน​การ​ดำเนิน​ความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​ผู้​ที่​เข้า​มา​ร่วม​มือ​กัน7 ซึ่ง​เน้น​ให้​ความ​สำคัญ​กับ​กิจกรรม​โดย​เฉพาะ​ด้าน​
เศรษฐกิจก​ ารเมือง​ซึ่งก​ ลุ่มน​ ี้เ​ห็น​ว่าเ​ป็นเ​รื่องท​ ี่​สามารถ​ตอบ​สนองต​ ่อ​การ​ บู​รณาก​ ารไ​ด้​ง่าย​ที่สุด

       แนวค​ วามค​ ิดข​ องก​ ลุ่มภ​ ารกิจน​ ิยมใ​หม่ค​ ือก​ ารนำเ​อาค​ วามค​ ิดข​ องก​ ลุ่มภ​ ารกิจน​ ิยมไ​ปร​ วมก​ ับก​ ลุ่มส​ หพันธรัฐ​
นิยม​โดย​ยึด​เอา​หลัก​การ​ของ​ภารกิจ​นิยม​เป็นก​ระ​บวน​การ​เพื่อ​นำ​ไป​สู่​การ​บูรณาการ และ​เอา​หลัก​การ​ของ​สหพันธรัฐ​
นิยมเ​ป็นจ​ ุดห​ มายป​ ลายท​ าง กลุ่มภ​ ารกิจน​ ิยมใ​หมเ่​น้นค​ วามร​ ่วมม​ ือใ​นก​ ระบวนการ​ตัดสินใ​จแ​ ละท​ ่าทขี​ องผ​ ู้นำว​ ่าส​ ำคัญ​
ต่อค​ วามส​ ำเร็จ​ของบ​ ูรณาการ8

       ทั้ง​แนวคิด​ภารกิจ​นิยม​และ​ภารกิจ​นิยม​ใหม่​มี​รากฐาน​อยู่​บน​ความ​คิด​ที่​ว่าการ​ร่วม​มือ​จาก​เรื่อง​ที่​เป็น
​ผลป​ ระโยชน์​ระหว่างก​ ัน​และ​คาบเ​กี่ยว​ระหว่างก​ ัน​และ​กัน (Mutual and Overlapping Interests) จะ​เป็น​จุด​เริ่มต​ ้น​
ของก​ ารบ​ ูรณาการ และเ​มื่อเ​กิดก​ ระบวนการข​ องก​ าร​ บรู​ ณาก​ ารใ​นเ​รื่องใ​ดเ​รื่องห​ นึ่งข​ ึ้นแ​ ล้วจ​ ะส​ ่งผ​ ลใ​หเ้​กิดก​ าร​ บรู​ ณาก​ าร​
ในเ​รือ่ ง​ อื่นๆ ตอ่ ไ​ปอ​ กี ห​ รอื ท​ รี​่ กู​้ นั ว​ ่าเ​ปน็ ป​ ฏก​ิ ริ ยิ าข​ องก​ ารไ​หลล​ น้ (Spillover Effect) ปฏก​ิ ริ ิยาด​ ังก​ ลา่ วน​ ีจ​้ ะเ​หน็ ไ​ดช้​ ดั เจน
​ใน​กิจกรรม​ที่​มี​การ​พึ่งพา​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​อย่าง​เข้ม​ข้น​และ​ต่อ​เนื่อง กา​รบู​รณา​การ​ที่​เกิด​จาก​การ​ไหล​ล้น​ของ​กิจกรรม​
ระหวา่ งก​ ันแ​ ละก​ ันจ​ ะท​ ำใหก้​ ลุ่มผ​ ลป​ ระโยชนห​์ รือก​ ลุ่มท​ ีม​่ ส​ี ่วนไ​ดเ้​สียเ​ห็นป​ ระโยชนจ​์ ากก​ ระบวนการก​ าร​ บรู​ ณาก​ ารอ​ ย่าง​
ชดั เจนม​ ากข​ ึ้น นักค​ ดิ ในก​ ลุ่มน​ ีพ​้ ยายามม​ องต​ ่อไ​ปว​ า่ ก​ าร​ บรู​ ณาก​ ารท​ ีก่​ ว้างข​ วางอ​ อกไ​ปใ​นเ​รือ่ งอ​ ื่นน​ ั้นบ​ างค​ รั้งจ​ ำเป็นต​ ้อง​

         6 ดูเ​พิ่ม​เติม David MITRANY, The Functional Theory of Politics, Martin Press, New York, 1973, และ The Functional
Approach to World Organization, International Affairs (Royal Institute of International Affairs 1944), Vol. 24, No. 3. (Jul.,
1948), p. 350-363.

         7 Ernst HAAS, The Uniting of Europe: Political, Social and Economic Forces, 1950-1957, Stanford University Press,
Stanford, 1968, p. 4.

         8 ธารท​ อง ทอง​สวัสดิ์ อ้าง​แล้ว หน้า 634

                             ลขิ สิทธิข์ องมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช
   197   198   199   200   201   202   203   204   205   206   207