Page 204 - สังคมโลก
P. 204
8-10 สังคมโลก
นอกจากนี้แนวคิดโลกนิยมแบบข้ามชาติซึ่งไอนิส โคลด (Inis Claude) เป็นผู้จุดประกายความคิดนี้จาก
งานเขียนเรื่องอำนาจและความสัมพันธ์ร ะหว่างประเทศ (Power and International Relations) ในป ี 1962 ที่เห็นว่า
ในเรื่องการเมืองว่าด้วยอำนาจนั้น รัฐเองไม่ได้ผู้ผูกขาดกิจกรรมระหว่างประเทศไว้แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งต่อมา จอห์น
เบอร์ต ัน (John Burton) ได้เสนอแ นวคิดที่ส อดคล้องกันที่เห็นว่ารัฐไม่ได้เป็นตัวแสดงเดียวท ี่ส่งผ ลต ่อความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศอีกต่อไป เบอร์ตันเสนอแนวคิดเรื่องประชาคมโลก (World Society) ซึ่งมีล ักษณะความสัมพันธ์เป็น
แบบเครือข่ายใยแมงมุม (Cobweb) ซึ่งระบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ได้พิจารณาแต่เพียงความสัมพันธ์
ระหว่างรัฐเท่านั้น แต่ลักษณะความสัมพันธ์มีความซับซ้อนมากขึ้นทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม
ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความสมานฉันท์กลมเกลียวโดยปราศจากการใช้กำลัง ข้อเสนอของเบอร์ตันนี้ดูเหมือนว่า
เป็นการจินตนาการของกลุ่มแนวคิดโลกในอุดมคติ (Utopia) มากเกินไป อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ก็ได้กระตุ้นให้
ตระหนักถ ึงมิติในเรื่องข องภ าวะของก ารข ้ามชาติในป ัจจุบัน
คาร์ล ไคเซอร์ (Karl Kaiser) ได้พยายามอธิบายเกี่ยวก ับการเมืองร ะหว่างประเทศให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นโดยการ
อธิบายจากมุมมองของสังคมข้ามชาติ (Transnational Society) ว่าการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวแสดงทางสังคมใน
เรื่องใดเรื่องหนึ่งเฉพาะด้าน โดยเน้นความส ัมพันธ์ที่เชื่อมโยงร ะหว่างกัน เป็นร ูปแบบข ององค์การที่ม ีการจ ัดร ะเบียบ
องค์การค่อนข้างชัดเจนและมีหน่วยปฏิบัติการอยู่ในรัฐต่างๆ ในระบบการเมืองแตกต่างกัน เช่น โบสถ์นิกายโรมัน
คาทอลิค บรรษัทข้ามชาติ องค์การนอกภาครัฐระหว่างประเทศ กลุ่มเคลื่อนไหวของนักศึกษาและการท่องเที่ยว11
แบร์ทรองด์ บาดี้ (Bertrand Badie) และ มารี โกลด สมุทส์ (Marie-Claude Smouts) นักสังคมวิทยาความ
สัมพันธ์ระหว่างประเทศชาวฝรั่งเศสได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “ความสัมพันธ์ (ระหว่างรัฐ) ไม่ว่าเกิดจากความตั้งใจหรือ
เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ใดก็ตามจะเกิดขึ้นภายใต้ระบบโลกหรืออยู่เหนือขอบเขตการเมืองในรัฐ และกิจกรรม
บางส่วนน ั้นอ ยู่นอกเหนือการค วบคุมแ ละการเข้าม าเป็นส ื่อกลางข องร ัฐ (action médiatrice)”12
นอกจากน แี้ นวคดิ อ ืน่ ท กี่ ลา่ วถ งึ อ งคก์ ารร ะหวา่ งป ระเทศ เชน่ แนวคดิ โลกธ รร มาภบิ าล (Global Governance)
ทพี่ ยายามไมใ่หศ้ ึกษาอ งค์การร ะหว่างป ระเทศโดยย ึดต ิดก ับโลกต ามส ภาพค วามเปน็ จ รงิ ห รือโลกในอ ดุ มคต1ิ 3 แนวคิด
โลกธรรมาภิบาลนี้อธิบายว่าถึงแม้จะปราศจากรัฐบาลอย่างเป็นทางการ โลกก็ยังมีโครงสร้างทางสถาบันทางสังคม
กฎเกณฑ์ ค่านิยม จารีตประเพณีอ ื่นอีกท ี่ใช้ร่วมก ัน (shared normative principles) ซึ่งเป็นต ัวก ำหนดก รอบการ
ดำเนินค วามสัมพันธ์ร ะหว่างกัน ซึ่งโลกไม่จำเป็นต้องดำเนินไปต ามแ นวคิดของส ัจนิยมหรือเสรีนิยมเสมอไป
แนวคิดป ระกอบส ร้างท างส ังคม (Constructivism)14 เป็นอ ีกห นึ่งแ นวคิดท ี่ให้ค วามส ำคัญก ับโครงสร้างท าง
สังคมของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แนวคิดนี้เห็นว่าโลกทางสังคมมีลักษณะปฏิสัมพันธ์เชิงสหอัตวิสัยระหว่าง
กัน (Intersubjective) โดยพ ยายามช ี้ให้เห็นว ่าปัจเจกชนที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุดปรับพฤติกรรมที่
11 Dario BATISSTELLA. Thèories des relations internationales, 2e èdition revue et augmentèe, Presses de Sciences
Po, Paris, 2006, p. 193, ดูเพิ่มเติม Karl KAISER, La politique transnationale, Vers une thèorie de la politique multinationale,
1969, dans Philippe BRAILLARD, Théories des relations internationales, PUF, Paris, 1977.
12 เพิ่งอ้าง
13 ขจิต จิตตเสวี องค์การระหว่างประเทศ พิมพ์ค รั้งที่ 2 ฉบับแก้ไขปรับปรุง สำนักพิมพ์วิญญูชน กรุงเทพมหานคร 2553 หน้า 36
14 เนื่องจากยังไม่มีการบัญญัติศัพท์นี้ไว้อย่างแน่ชัด ที่ประชุมคณะกรรมการผลิตชุดวิชาสังคมโลกจึงได้พยายามบัญญัติศัพท์
Constructivism ไว้ว่าแนวคิดประกอบสร้าง แต่ผู้เขียนขอใช้คำว่าแนวคิดประกอบสร้างทางสังคมแทนด้วยเหตุผลที่ว่า “ความสัมพันธ์ของ
หน่วยต่างทางสังคมระหว่างประเทศเกิดจากการสร้างและการขัดเกลาทางสังคมของกลุ่มต่างๆ จนเกิดเป็นบรรทัดฐานและความรู้สึกร่วมกันทาง
สังคม” นักค ิดกลุ่มป ระกอบสร้างทางส ังคมได้แก่ จอห์น เซิร์ล (John Searle) โรเบิร์ต โจวิส (Robert Jovis) เฟรดร ิช กราท อค วิล (Friedrich
Kratochwil) นิโคลัส โอนูฟ (Nicholas Onuf) ราฟ เพทแมน (Ralph Pettman) อเลกซานเดอร์ เวนด์ (Alexander Wendt) จอห์น รุกกี้
(John Ruggie) เอมม านูเอล เอดเลอร์ (Emmanuel Edler) มาร์ธา ฟิน มอร์ (Martha Finnemore) และอ มิตาฟ อาจารย า (Amitav Acharya)
เป็นต้น
ลขิ สทิ ธ์ิของมหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช