Page 207 - สังคมโลก
P. 207

องค์การ​ระหว่าง​ประเทศ 8-13

ใช้​อำนาจ​ใน​การ​กำหนด​กฎ​ระเบียบ​หรือ​มาตรการ​บาง​อย่าง​ขึ้น​มา​เพื่อ​ใช้​เป็น​หลัก​ปฏิบัติ​ใน​การ​ดำเนิน​กิจการ​ระหว่าง​
ประเทศ อีก​ทั้ง​ยัง​ใช้​เป็น​เวที​ถก​เถียง อภิปราย​และ​เสนอ​แนวทาง​การ​แก้ไข​ปัญหา​แก่​ประเทศ​สมาชิก​ด้วย​เช่น​กัน เช่น
คองเกรส​แห่งป​ ารีส (Congress of Paris) ปี 1856 การป​ ระชุม​ลอนดอน (London Conferences) ใน​ปี 1817 และ​
ปี 1912-1913 คองเกรสแ​ ห่ง​เบอร์ลิน (Berlin Congresses) ปี 1878 และ​ปี 1874-1875 รวม​ถึง​การป​ ระชุม​การท​ ูต
​และ​ตุลาการ​ที่​กรุง​เฮก (Hague Conference) ปี 1899 และ​ปี 1907 เพื่อ​วาง​มาตรการ​และ​ระเบียบ​ใน​การ​แก้ไข
​ข้อ​พิพาท​ใน​ยาม​สันติ​ที่​ใช้​ใน​การ​ดำเนิน​ความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​ประเทศ รวม​ถึง​การ​หา​มาตรการบาง​ประการ​ด้าน​สิทธิ​
มนุษย​ชนใ​น​ยาม​สงคราม การป​ ระชุมท​ ี่​กรุง​เฮ​กนี้แ​ ตกต​ ่าง​จาก​คองเกรสแ​ ห่งเ​วียนนาซ​ ึ่งเ​ป็นท​ ี่​ประชุมข​ อง​มหาอำนาจท​ ี่​
เน้นด​ ้าน​การ​แก้ไข​ปัญหา​ข้อพ​ ิพาทท​ ี่เ​กิด​ขึ้น​เพื่อร​ ักษาส​ ันติภาพ

       อย่างไร​ก็ตาม​ถ้า​พิจารณา​กัน​อย่าง​จริงจัง​แล้ว ระบบ​คองเกรส​ไม่​ถือว่า​เป็น​องค์การ​ระหว่าง​ประเทศ​เพราะ​ว่า​
ระบบค​ องเกรสไ​ม่มีห​ น่วยง​ านแ​ ละเ​จ้าห​ น้าที่ป​ ระจำถ​ าวร อีกท​ ั้งไ​ม่ไ​ด้ม​ ีก​ ารจ​ ัดการป​ ระชุมก​ ันอ​ ย่างส​ ม่ำเสมอ มหาอำนาจ​
ต่าง​เห็น​ว่า​ระบบ​คองเกรส​นี้​เป็น​เสมือน​กลไก​ใน​รูป​แบบ​สถาบัน (Institutional mechanism) ที่​ช่วย​ใน​การ​ประสาน​
ความ​สัมพันธ์ก​ ับม​ หาอำนาจอ​ ื่นเ​พื่อล​ ด​กรณี​พิพาท​เล็กๆ น้อยๆ ระหว่างก​ ัน​ใน​การ​แสวงหาผ​ ล​ประโยชน์จ​ าก​บรรดาร​ ัฐ​
เล็กๆ รวมถ​ ึงค​ วาม​เห็นช​ อบ​ในน​ โยบาย​ใหม่ๆ ที่​บรรดาม​ หาอำนาจจ​ ะด​ ำเนิน​การ

       ระบบ​สถาบัน​การ​ปฏิบัติ​หน้าที่​การเมือง​ระดับ​ต่ำ​เป็น​ผล​สืบ​เนื่องจาก​การ​พัฒนาการ​ด้าน​เศรษฐกิจ​และ​
เทคโนโลยีซ​ ึ่งเ​ป็นผ​ ลจ​ ากพ​ ลวัตข​ องก​ ารป​ ฏิวัติอ​ ุตสาหกรรมไ​ด้ก​ ่อใ​ห้เ​กิดค​ วามต​ ้องการร​ ่วมม​ ือร​ ะหว่างป​ ระเทศเ​พื่อก​ าร​
บริหาร​จัดการ การ​อำนวย​ความส​ ะดวก​และ​การ​ปรับปรุง​ระบบก​ ารแ​ ลกเ​ปลี่ยน​และก​ ารต​ ิดต่อ​สื่อสาร รวม​ถึง​การข​ นส่ง​
ระหว่าง​กันใ​ห้ด​ ีย​ ิ่งข​ ึ้น ซึ่งเ​ป็นการ​พัฒนาด​ ้าน​โครงสร้างก​ ารบ​ ริหาร​ร่วม​กัน ลักษณะ​ความร​ ่วมม​ ือ​ระหว่างป​ ระเทศแ​ บบ​
นี้เ​ป็นค​ วาม​ร่วมม​ ือข​ องอ​ งค์การเ​ฉพาะ​ด้านต​ าม​ภารกิจ (Functional organisation) เช่น คณะ​กรรมาธิการ​แม่น​ ้ำ​ไรน์
(Rhine Commission) และ​กรรมาธิการ​แม่​น้ำ​ดานู​บ​ยุโรป (European Danube Commission) หลัง​จาก​นั้น​ยัง​มี​
องค์​กา​รอื่นๆ อีก เช่น อนุสัญญา​ว่า​ด้วย​สุข​อนามัย​ระหว่าง​ประเทศ (Convention sanitaire internationale)
สหภาพ​โทรเลข​สากล (Union tèlègraphique internationale) สำนักงาน​ว่า​ด้วย​การ​ชั่ง​ตวง​วัด​สากล (Bureau
international des poids et mesures) สหภาพ​ไปรษณีย์ส​ ากล (Union postale universelle) และ​สหภาพ​เพื่อ​การ​
ปกป้องท​ รัพย์สินท​ าง​อุตสาหกรรม (Union pour la protection de la propriètè industrielle) เป็นต้น ลักษณะ​
องค์การร​ ะหว่างป​ ระเทศด​ ัง​กล่าวน​ ี้​เป็น​องค์การร​ ะหว่างป​ ระเทศแ​ บบ​ตาม​ภาระห​ น้าที่​เฉพาะ​ตาม​ธรรมนูญข​ อง​รัฐ​ตน​ที่​
ไม่ไ​ด้เ​กี่ยวข้องห​ รือ​รับผ​ ิดช​ อบก​ ับ​การเมือง​ระหว่างป​ ระเทศ

       พัฒนาการ​ของ​องค์การ​ระหว่าง​ประ​เทศ​ใน​ค​ริสต​ศวรรษ​ที่ 20 โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​หลัง​สงครามโลก​ครั้ง​ที่ 1
เป็นต้น​มา​นับ​ว่า​มี​ความ​สำคัญ​ต่อ​การ​ศึกษา​องค์การ​ระหว่าง​ประเทศ​ใน​ระดับ​สากล​เป็น​อย่าง​มาก เพราะ​ว่า​องค์การ​
ระหว่าง​ประเทศป​ ระกอบไ​ป​ด้วยร​ ัฐส​ มาชิก​จาก​ทั่ว​โลก มี​ขอบเขต​ความ​รับผ​ ิดช​ อบ​ที่​กว้างข​ วาง​และม​ ีบ​ ทบาทท​ ี่ซ​ ับ​ซ้อน​
มาก​ยิ่ง​ขึ้น ตั้งแต่​รักษา​สันติภาพ​และ​ความ​มั่นคง​ระหว่าง​ประเทศ​ไป​จนถึง​การ​ส่ง​เสริม​ความ​ร่วม​มือ​ใน​ด้าน​ต่างๆ เช่น
เศรษฐกิจ สังคมแ​ ละว​ ัฒนธรรม รวมไ​ปถ​ ึงก​ ารล​ ดก​ ารส​ ะสมอ​ าวุธ การค​ ุ้มครองส​ ิทธมิ​ นุษยช​ น และก​ ารพ​ ิทักษท์​ รัพยากร​
สิ่ง​แวดล้อมแ​ ละ​ระบบ​นิเวศน์ เป็นต้น

       ในช​ ่วงห​ ลังส​ งครามโลกค​ รั้งท​ ี่ 1 องค์การร​ ะหว่างป​ ระเทศท​ ีส่​ ำคัญไ​ด้แกส่​ ันนิบาตช​ าติ (League of Nations)20
ซึง่ น​ บั ว​ า่ เ​ปน็ ค​ วามพ​ ยายามค​ รัง้ แ​ รกใ​นป​ ระวตั ศิ าสตรข​์ องก​ ารจ​ ดั ต​ ัง้ อ​ งคก์ ารร​ ะหวา่ งป​ ระเทศใ​นร​ ะดบั ส​ ากล สนั นบิ าตช​ าต​ิ
นับไ​ด้​ว่า​ได้​รับอ​ ิทธิพล​แนวคิด​การจ​ ัดต​ ั้ง​องค์การ​ระหว่าง​ประเทศ​ใน​คริสต์​ศตวรรษ​ที่ 19 มา​ใช้​โดย​ชี้​ให้เ​ห็น​ถึง​อุปสรรค​

         20 การ​ประชุม​สันติภาพ​ที่​กรุง​ปารีส (Paris Peace Conference) ใน​ปี 1919 ได้​มี​การ​ตกลง​ให้​กติกา​ของ​สันนิบาต​ชาติ​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​
ของ​สนธิ​สัญญา​แวร์​ซายส์ (Versailles Treaty) แต่​สันนิบาต​ชาติ​ก่อ​ตั้ง​อย่าง​เป็น​ทางการ​หลัง​จาก​สนธิ​สัญญา​แวร์​ซายส์​ได้​รับ​การ​ให้​สัตยาบัน​ใน
​ปี 1920

                              ลขิ สิทธิข์ องมหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช
   202   203   204   205   206   207   208   209   210   211   212