Page 269 - สังคมโลก
P. 269

ขบวนการเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมในสังคมโลก 10-29

เป็นการ​เคลื่อนไหว​เรียก​ร้อง​ของ​ประชาชน​ธรรมดา เพื่อ​เรียก​ร้อง​สิทธิ​พื้น​ฐาน​ของ​พวก​เขา​ใน​ฐานะ​ที่​เป็น​มนุษย์​รวม​
ไป​ถึง​สิทธิ​ที่​จะ​ไม่​เชื่อ​ฟัง​รัฐ​ด้วย ซึ่ง​เป็น​ทาง​เลือก​ที่​สาม​ของ​การ​เรียก​ร้อง​หรือ​การ​มี​ส่วน​ร่วม​ทางการ​เมือง​ที่​นอก​เหนือ​
ไปจ​ ากช​ ่อง​ทางป​ กติ แต่เ​ป็น​สิ่งท​ ี่​ชอบธ​ รรมแ​ ละจ​ ะ​มี​ผล​ทำให้​เกิด​การ​เปลี่ยนแปลงท​ ั้ง​ใน​ทางก​ ฎหมาย​และใ​นท​ าง​สังคม
ไม่ใช่ป​ ล่อย​ให้ร​ ัฐ นักการเ​มือง ผู้พ​ ิพากษา นักก​ ฎหมาย นักเ​ทคนิคว​ ิชาการ และ​ข้าราชการ ผูกขาด​การ​กำหนดท​ ิศทาง​
ทางการเ​มอื งแ​ ตเ​่ พยี งฝ​ า่ ยเ​ดยี ว47 หรอื ก​ ลา่ วอ​ กี แ​ บบห​ นึง่ ไ​ดว​้ า่ การจ​ รรโลงป​ ระชาธปิ ไตยน​ ัน้ ไ​มใ่ ชเ​่ รือ่ งข​ องก​ ารด​ ำเนนิ ก​ าร​
ในร​ ะดับร​ ัฐ แตร่​ วมถ​ ึงใ​นร​ ะดับป​ ระชาชนร​ ากห​ ญ้าด​ ้วย48 เพราะฉ​ ะนั้นป​ ระชาชนต​ ้องเ​ข้าม​ าม​ สี​ ่วนร​ ่วมท​ างการเ​มืองอ​ ย่าง​
แข็ง​ขัน เพื่อ​ป้องกันม​ ิใ​ห้ร​ ัฐเ​ท่านั้น​ที่ท​ รง​สิทธิใ​น​การส​ ร้างร​ ูป​แบบข​ องก​ าร​มีส​ ่วนร​ ่วม​ขึ้น​มาเ​พียง​ฝ่ายเ​ดียว ดังน​ ั้น การม​ ี​
ส่วนร​ ่วม​ที่​เน้น​ความ​เสมอภ​ าคแ​ ละ​ความเ​ป็นอ​ ิสระ​ของ​ประชาชน จะน​ ำ​ไป​สู่​การม​ ี​วัฒนธรรมท​ างการเ​มืองใ​น​ลักษณะท​ ี​่
เรียก​ว่า​ประชาธิปไตยแ​ บบ​มีส​ ่วนร​ ่วมน​ ั่นเอง

       ในท​ ัศนะข​ องน​ ักป​ ระชาธิปไตยแ​ บบม​ ีส​ ่วนร​ ่วม (participatory democracy) ต้องการใ​ห้ป​ ระชาชนม​ ีส​ ่วนร​ ่วม​
ทางการ​เมืองโ​ดยตรง​ใน​กระบวนการ​ตัดสินใ​จ​ต่างๆ มากข​ ึ้น เช่น การ​กำหนด​นโยบาย การ​ทำ​ประชา​พิจารณ์ เป็นต้น
พร้อม​กัน​นั้น​ประชาชน​ก็​มีหน้า​ที่​หลัก​ใน​การ​ติดตาม​และ​ตรวจ​สอบ​นักการ​เมือง​ที่​เข้าไป​ใช้​อำนาจ​อธิปไตย​แทน​ตนเอง​
ดว้ ย อยา่ งไรก​ ต็ าม ป​ ระชาธปิ ไตยแ​ บบม​ ส​ี ว่ นร​ ว่ มม​ กั ไ​มค​่ อ่ ยถ​ กู ใ​ชใ​้ นฐ​ านะท​ เี​่ ปน็ ส​ ว่ นห​ นึง่ ข​ องก​ ระบวนการป​ กครองร​ ะดบั ​
ประเทศ แตส่​ ่วนม​ ากม​ ักถ​ ูกใ​ชภ้​ ายในก​ ลุ่มท​ ีม่​ ขี​ นาดเ​ล็กโ​ดยเ​ฉพาะช​ ่วงป​ ลายค​ ริสตท์​ ศวรรษ 1960 ในฐ​ านะเ​ป็นส​ ่วนห​ นึ่ง​
ของก​ ลุ่มก​ ารเมือง​ทวนก​ ระแส​หรือ​กลุ่มท​ ี่เ​รียก​ตนเอง​ว่า “ซ้ายใ​หม่” (new Left) เช่น ขบวนการน​ ักศึกษา กลุ่มพ​ ิทักษ​์
สิทธิ​สตรี และ​กลุ่ม​อนุรักษ์​ธรรมชาติ เป็นต้น กลุ่ม​เหล่า​นี้​ต้องการ​เปลี่ยนแปลง​ระบบ​เดิม​ที่​มี​ลักษณะ​โครงสร้าง​แบบ​
ลำดับ​ชั้น​มา​เป็นโ​ครงสร้างท​ ี่ท​ ุก​คนม​ ี​ความเ​สมอภ​ าคก​ ัน และส​ ่ง​เสริม​การม​ ี​ส่วนร​ ่วมใ​น​การต​ ัดสิน​ใจ​อย่าง​กว้างข​ วาง

       เงื่อนไขห​ รืออ​ งค์ป​ ระกอบ​ที่จ​ ำเป็น​สำหรับ​ประชาธิปไตยแ​ บบม​ ี​ส่วน​ร่วม มี​ดังนี้49
       1. 	ทุก​คน​สามารถ​หยิบยก​ประเด็น​ปัญหา เสนอ​แนะ​วิธี​การ​แก้​ปัญหา และ​เข้าไป​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​การ​ตัดสิน​ใจ
​ขั้น​สุดท้าย​ด้วย
       2. 	มี​การ​ประชุม​ปรึกษา​หารือ​แบบ​หัน​หน้า​เข้า​กัน เพื่อ​จะ​ทำให้​เกิด​แนวทาง​แก้​ปัญหา​ที่​เป็น​ไป​ได้ ซึ่ง​เกิด​จาก​
การถ​ ก​เถียง​กันจ​ น​ได้ข​ ้อ​สรุป​ที่​เป็น​วิธีก​ าร​แก้ป​ ัญหา​ที่ด​ ี​ที่สุด​ขึ้น
       3.	เกิดก​ าร​ถก​เถียง​กัน​เป็นอ​ ย่าง​มาก เพราะท​ ุกค​ น​ต้องการ​เสนอ​ทัศนะ​หรือม​ ุม​มอง​ของ​ตนเอง
       4. 	มีแ​ นว​โน้มว​ ่าการต​ ัดสินใ​จ​ใดๆ ก็ตาม​จะม​ ีล​ ักษณะเ​ป็นแ​ บบ​ฉันทานุมัติ (consensus) ที่​ทุกค​ น​มี​ความเ​ห็น​
สอดคล้องต​ ้องก​ ันท​ ั้งหมดม​ ากกว่าจ​ ะใ​ชว้​ ิธกี​ ารล​ งค​ ะแนนเ​สียงซ​ ึ่งจ​ ะใ​ชเ้​สียงส​ ่วนใ​หญเ่​ป็นต​ ัวช​ ี้ขาดใ​นก​ ารต​ ัดสินใ​จเ​ลือก​
ทาง​เลือก​ใดท​ างเ​ลือก​หนึ่ง
       จากอ​ งค์ป​ ระกอบด​ ังก​ ล่าว สามารถส​ รุปไ​ด้ว​ ่าป​ ระชาธิปไตยแ​ บบม​ ีส​ ่วนร​ ่วมเ​น้นก​ ารเ​ปิดโ​อกาสใ​ห้ท​ ุกค​ นเ​ข้าม​ า​
มีส​ ่วน​ร่วม​ในก​ ารต​ ัดสิน​ใจ​เกี่ยวก​ ับป​ ัญหาข​ อง​ตนเองอ​ ย่าง​เสมอ​ภาค​กัน (equality) เป็นส​ ำคัญ โดย​เฉพาะค​ วาม​เสมอ​
ภาค​ใน​การ​แสดง​ความ​คิด​เห็น​เกี่ยว​กับ​การ​ตัดสิน​ใจ​ได้​อย่าง​เต็ม​ที่​ใน​แต่ละ​ขั้น​ตอน​ของ​กระบวนการ​ตัดสิน​ใจ ตั้งแต่​
ขั้น​ตอน​การ​เลือก​ประเด็น​ปัญหา พร้อม​ทั้ง​เสนอ​ทาง​เลือก​ต่างๆ ใน​การ​แก้​ปัญหา จนถึง​การ​ตัดสิน​ใจ​ขั้น​สุดท้าย​ที่​จะ​
เลือกท​ างเ​ลือกใ​ดท​ างเ​ลือกห​ นึ่งใ​นก​ ารแ​ กป้​ ัญหาน​ ั้น การต​ ัดสินใ​จร​ ่วมก​ ันด​ ังก​ ล่าวจ​ ะท​ ำใหส้​ มาชิกภ​ ายในก​ ลุ่มม​ คี​ วามสุข​
และ​เกิด​ความ​รู้สึก​เป็น​เจ้าของ​หรือ​ผูกพัน​กับ​กลุ่ม​ของ​ตนเอง​มาก​ขึ้น การ​ตัดสิน​ใจ​แบบ​ฉันทานุมัติ​ก็​จะ​เป็น​ข้อ​ผูกมัด​
ที่ม​ ีป​ ระสิทธิภาพ​ในก​ ารนำก​ ารต​ ัดสินใ​จไ​ปส​ ู่ก​ ารป​ ฏิบัติ เพราะท​ ุกค​ นในก​ ลุ่มม​ ีค​ วามเ​ห็นเ​ป็นแ​ นวทางเ​ดียวกันห​ มด และ​

         47 เรื่องเ​ดียวกัน หน้า 56-57
         48 นฤมล ทบั จ​ มุ พล “ประชาธปิ ไตยร​ ากห​ ญา้ ” ใน ลกุ ข​ ึน้ ส​ ู้ ณรงค์ เพช​็ รป​ ระเสรฐิ บรรณาธกิ าร กรงุ เทพมหานคร ศนู ยศ​์ กึ ษาเ​ศรษฐศาสตร​์
การเมือง คณะเ​ศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์​มหาวิทยาลัย 2543 หน้า 85	
         49 Helena Catt, Democracy in practice. London: Routledge, 1999, p. 40.

                              ลิขสทิ ธิข์ องมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช
   264   265   266   267   268   269   270   271   272   273   274