Page 39 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 39
โครงสร้าง และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย 5-29
หลักก ารส ำ�คัญของพ ระร าชพ ิธี และพิธีส ำ�คัญด ังกล่าวนี้ ก็ค ือ เพื่อแสดงถึงส ถานะอ ัน
สูงส่งข องพ ระมหาก ษัตริย์ท ี่เสมือนเทพอวตาร และม ีการอ ัญเชิญเทวดาจ ำ�นวนม ากมาร่วมเป็นสักขีพ ยานใน
พระร าชพ ธิ ที สี่ �ำ คญั เชน่ พระร าชพ ธิ บี รมร าชาภเิ ษกแ ละพ ระร าชพ ธิ ปี ราบดาภเิ ษก เปน็ ตน้ สว่ นพ ระร าชพ ธิ ถี อื น าํ้
พระพิพัฒน์สัตยา มีหลักการสำ�คัญ เพื่อแสดงออกถึงพระบรมเดชานุภาพ พระฤทธานุภาพ และการ
สร้างเสริมพ ระบ ารมพี ระม หาก ษัตริย์ การเน้นย ํ้าถึงค วามช อบธ รรมในพ ระร าชอ ำ�นาจ และเป็นการบ ังคับ และ
เรียกร้องให้พระราชวงศ์ และขุนนางทุกระดับจะต้องแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์เสมือนกับ
เทพเจ้า เหตุน ี้ พิธีกรรมส ำ�คัญต่างๆ ที่มาจ ากศ าสนาพราหมณ์ จึงถ ือเป็นก ลไกในการเสริมสร้างอ ุดมการณ์
ราชาธิปไตยในรูปแ บบส มมติเทพข ององค์พระม หากษัตริย์อย่างเด่นช ัด
พระราชพิธีพระราชทานกฐิน เป็นพระราชพิธีที่พระมหากษัตริย์จะต้องเสด็จ
พระราชดำ�เนินเป็นประจำ�ทุกปี และเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาโดยตรง และเป็นโอกาสสำ�คัญที่ประชาชน
จะได้เห็นพระมหากษัตริย์ได้เต็มที่ในพระราชพิธี วัตถุประสงค์สำ�คัญของพระราชพิธีนอกจากจะเป็น
พระราชประเพณีตามคติพุทธศาสนาแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึง “ทิพยภาวะและพระบุญญาธิการของ
พระมหากษัตริย์” อีกส่วนหนึ่งด ้วย (จันทร์ฉาย ภัคอธิคม 2528: 73-74)
3.2) การกำ�หนดระเบียบปฏิบัติที่เข้มงวดและเคร่งครัดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
เป็นร ะเบียบป ฏิบัติท ี่เป็นข ้อบ ังคับต ามก ฎหมาย หรืออ ย่างเป็นท างการ คือ กฎม ณเฑียรบ าล ที่ป ระชาชนเป็น
ฝ่ายย ินดี หรือเต็มใจในก ารถ วายพ ระเกียรติแ ละพ ระอ ภิสิทธิ์แ ด่พ ระม หาก ษัตริย์ เป็นการบ ูชาพ ระองค์เสมอ
ด้วยเทพห รือพระผู้เป็นเจ้า จนค่อยๆ กลายเป็นธ รรมเนียมปฏิบัติ และว ิถีทางในก ารดำ�รงชีวิตข องคนในย ุค
กรุงศ รีอยุธยาแ ละต ่อเนื่องมาอีกก ว่า 400 ปี
ระเบียบปฏิบัติหรือกฎเกณฑ์เก่ียวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่สำ�คัญ ได้แก่
(จันทรฉ์ าย ภัคอ ธิคม 2528: 94-105)
3.2.1) การห้ามเอ่ยพระนามพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างย่ิงพระนามตาม
พระสพุ รรณบัฏ ถา้ เอย่ ถ ือวา่ “หมิ่นป ระมาทต อ่ พ ระเจ้าแผ่นดนิ ” และม โี ทษสถานหนกั ถงึ ต าย
3.2.2) เหลา่ ขุนนางต ้องหมอบก ราบถวายบังคม 3 ครั้ง และอยู่ในค วามส งบเงยี บ
ปราศจากเสียงใดๆ เมอื่ พระมหาก ษตั รยิ ์เสด็จออก
3.2.3) ราษฎร ต้องปดิ ป ระตู หนา้ ต่าง และอ อกจ ากเคหสถานแ ล้วหมอบก ราบโดย
ศีรษะ เขา่ ข้อศอกแ ละมอื จ รดพ้นื ด้วยอาการส งบน ิง่ เมอื่ พ ระม หากษัตรยิ เ์ สด็จโดยข บวนพยุหยาตรา
3.2.4) การห้ามมองพระพักตร์อย่างเด็ดขาด เพราะคติความเชื่อของศาสนา
พราหมณ์ท่ีว่า เทวราชาทรงมี “พระบรมเดชานุภาพเสมือนพระอาทิตย์อันร้อนแรง” มีทั้งคุณและโทษต่อ
มนษุ ย์
3.2.5) การสำ�เร็จโทษ พระราชวงศ์ ตามกฎมณเฑียรบาล กำ�หนดไว้ 2 ลักษณะ
หรือวิธี เพ่ือไม่ให้ “ขัตติยโลหิต” ต้องตกจากพระวรกายจากภาวะความเป็นเทพ หรือตระกูลแห่งทวยเทพ