Page 41 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 41

โครงสร้าง และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย 5-31

                กลไกส​ �ำ คญั ใ​นก​ ารน�ำ ​มาจ​ ดั โ​ครงสรา้ งท​ างการเ​มอื ง และก​ ารส​ รา้ งส​ ถาบนั พ​ ระม​ หากษตั รยิ ​์
ให้เ​ข้มแ​ ข็ง​มาก​ขึ้น นอกเ​หนือจ​ ากก​ ารนำ�​เอาแ​ นวคิด​และ​หลัก​การข​ อง​ศาสนาพ​ ราหมณ์​มาป​ ระยุกต์ใ​ช้ ขณะท​ ี​่
ยัง​คง​มี​แนวคิด​และ​หลัก​การ​สำ�คัญ​ของ​พุทธ​ศาสนา โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​คือ หลัก​ทศ​พิ​ธรา​ช​ธรรม หรือ​ธรรม​
ของ​พระเจ้า​แผ่นดิน เป็น​แก่น​ความ​คิด​สำ�คัญ​ที่​ใช้​ร่วม​กัน สมเด็จ​พระบรม​ไตรโลก​นาถ​ยัง​สร้าง​กลไก​สำ�คัญ​
เข้า​มาเ​สริมอ​ ีก 2–3 ระบบ คือ ระบบศ​ ักดินา ระบบไ​พร่ และ​ระบบ​ทาส

                ระบบศ​ กั ดนิ า มค​ี วามห​ มายต​ ามภ​ าษาว​ า่ “อ�ำ นาจเ​หนอื น​ าห​ รอื ท​ ีด่ นิ ” และใ​ชก​้ �ำ หนดศ​ กั ดิ์
หรือ​เกียรติศักดิ์ ของ​บุคคลใ​น​สังคม​ตาม​จำ�นวน “ไร่” หรือพ​ ื้นที่​นา พระม​ หา​กษัตริย์​ทรง​มี​ศักดิ์ส​ ูงสุด หรือ
ทรงเ​ป็น “พระเจ้า​แผ่นดิน” เพราะ​ทรงม​ ี​สถานะส​ ูงสุด​ในส​ ังคม พระร​ าชวงศ์​ที่​มีต​ ำ�แหน่ง​สูงใ​น​โครงสร้าง​ของ​
การเมืองก​ าร​ปกครอง เช่น พระม​ หา​อุปราช ศักดินา 100,000 ไร่ พระร​ าช​วงศ์อ​ ื่นๆ ก็​มี​ศักดินาล​ ด​หลั่นก​ ันไ​ป
เช่น พระอ​ นุ​ชาธิร​ าช ศักดินา 20,000 ไร่ พระเจ้าล​ ูกเธอ ศักดินา 15,000 ไร่ ขุนนาง หรือข​ ้าราชการต​ ำ�แหน่ง​
สูง เช่น เจ้าพระยาจ​ ักรี สมุหนายก ศักดินา 10,000 ไร่ และพ​ ระร​ าชส​ ุภาว​ ดี เจ้า​กรม​สุรัสวดี ศักดินา 5,000
ไร่ ขุนนาง​ผู้​น้อย ศักดินา 400 ไร่ ถ้าต​ ํ่าก​ ว่า 400 ไร่ หรือ 50 ไร่ข​ ึ้นไ​ป เป็น​ขุนนาง​หน้าที่ไ​ม่​สำ�คัญ พระ​ภิกษุ​
ก็​อยู่​ใน​ระบบ​ศักดินา แยก​ตาม “การ​รู้​ธรรม” และ “ไม่รู้​ธรรม” เช่น พระครู​รู้​ธรรม ศักดินา หรือ​เรียก​ว่า
“เสมอน​ า” 2,400 ไร่ พระ​ภิกษุท​ ั่วไปไ​ม่รู้​ธรรม “เสมอ​นา” 400 ไร่ เป็นต้น ไพร่​หรือ​สามัญช​ น​ทั่วไป ศักดินา
10–25 ไร่ และ​ตํ่า​สุด คือ ทาส ศักดินา 5 ไร่ (ศุภร​ ัตน์ เลิศ​พาณิชย์ก​ ุล 2527: 111-179)

                ระบบ​ศักดินา คาด​ว่า​ได้​มี​การ​ใช้​มา​แล้ว​ใน​หลาย​สังคม​ก่อน​สมัย​อยุธยา แต่​สมเด็จ​
พระบรม​ไตรโลก​นาถ​ได้​นำ�​มา​ปรับ​และ​จัด​ระบบ​ใช้​อย่าง​ชัดเจน​และ​จริงจัง เพราะ​เดิม​นั้น​เป็นการ​จัด​แยก​คน​
ตามจ​ �ำ นวนท​ ีด่ นิ เปน็ ช​ นชัน้ ส​ งู และส​ ามญั ช​ น ตามต​ �ำ แหนง่ ท​ มี​่ อ​ี �ำ นาจต​ ดั สนิ ใ​จใ​นท​ ีด่ นิ ต​ ามท​ ไี​่ ดค​้ รอบค​ รองจ​ รงิ
คือ พระ​มหา​กษัตริย์ พระร​ าชวงศ์ และข​ ุนนาง อยู่​ในก​ ลุ่มข​ องช​ นชั้นส​ ูง (Likhit Dhiravegin, 1956: 18)

                 นอกจาก​นี้ ยัง​มี​การ​ใช้​ระบบ​อื่น​ประกอบ​กับ​ระบบ​ศักดินา คือ “ยศ” เป็น​ตำ�แหน่ง​ที่​
มี​เกียรติยศ “ราชทินนาม” ที่มา​จาก​การ​พระราชทาน​ของ​พระ​มหา​กษัตริย์​ให้​กับ​ผู้​ดำ�รง​ตำ�แหน่ง​ต่างๆ และ
“ตำ�แหน่ง” เพื่อจ​ ัดแ​ ยกล​ ำ�ดับช​ ั้นข​ องผ​ ูม้​ ตี​ ำ�แหน่ง (William J.Siffin, 1966: 19) เช่น หน่วยง​ านก​ รมน​ ครบาล
เสนาบดี คือ ตำ�แหน่ง ได้ร​ ับ​พระราชทานย​ ศ​และ​ราชทินนาม​ว่า “พระยา​ยมราช​อิน​ทราธิ​บดี​ศรี​วิชัย​บริรักษ์​
โลกาก​ ร” หรือ “พระยาย​ มราช” ศักดินา 10,000 ไร่ เป็นต้น (ศุภร​ ัตน์ เลิศ​พาณิชย์​กุล 2527: 152)

                สว่ นร​ ะบบไ​พร่ และร​ ะบบท​ าส กม​็ ม​ี าก​ อ่ นย​ คุ อ​ ยธุ ยาเ​ชน่ เ​ดยี วกนั แตอ​่ ยธุ ยาม​ ผ​ี ูค้ นอ​ าศยั ​
อยู่จ​ ำ�นวนม​ าก ทำ�ให้จ​ ำ�เป็นต​ ้อง​จัด​ระบบใ​ห้ร​ ัดกุม เพื่อใ​ห้​ศูนย์กลางส​ ามารถ​ควบคุม และ​ระดมค​ นเ​ข้า​สู่​การ​
ใช้แ​ รงงาน และก​ าร​สงครามไ​ด้อ​ ย่างม​ ีป​ ระสิทธิภาพ การ​จัดร​ ะบบไ​พร่ โดยเ​ฉพาะ​อย่างย​ ิ่งใ​น​กลุ่มเ​พศช​ าย​จึง​
มีค​ วามส​ ำ�คัญ จากก​ ารป​ ฏิรูปก​ ารเมืองก​ ารป​ กครองใ​นย​ ุคน​ ี้ ไพร่จ​ ึงถ​ ูกจ​ ัดแ​ บกอ​ อกเ​ป็น 2 ส่วน ทีเ่​กี่ยวข้องก​ ัน
คือ มี​สถานภาพ​ทาง​ทหาร​กับ​สถานภาพ​พลเรือน​ควบคู่​กัน​ไป แต่​เพศ​ชาย​ก็​สามารถ​ออก​ไป​จาก​ระบบ​ได้ ทั้ง​
ใน​ลักษณะช​ ั่วคราวห​ รือ​ตลอด​ไป จากก​ าร​บวช​ตาม​หลัก​การ​พุทธ​ศาสนา เหตุน​ ี้ จารีตป​ ระเพณีข​ องส​ ังคม​และ​
หลักก​ าร​ทางศ​ าสนา​จึง​เป็น​ฐาน​ความช​ อบธ​ รรมข​ อง​โครงสร้าง​ทาง​สังคมด​ ัง​กล่าวน​ ี้ รวม​ทั้ง​ระบบท​ าส​ที่​คาดว​ ่า
​มี​อยู่​ราว 1 ใน 4 หรือ​อาจ​ถึง 1 ใน 3 ของ​คน​ทั้งหมด​ใน​สังคม (Siffin, 1966: 8-9) ทั้ง​ที่​เกิด​จาก​การ​ถูก​
กวาดต้อนเ​ข้าม​ าห​ ลังส​ งคราม และก​ ารต​ ิดห​ นี้ส​ ิน และก​ ารข​ ายตัวเ​ป็นท​ าสค​ นอ​ ื่น ต่างก​ ัน​ตรงท​ ี่ไ​พร่ต​ ้องส​ ังกัด​
   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45   46