Page 45 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 45
โครงสร้าง และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย 5-35
ช่วงเริ่มต ้น พ.ศ. 2378 รัฐบาลม ีร ายได้จากภาษีห วยถึง 20,000 ชั่ง และต ่อมาอีก 20 ปี ภาษีได้เพิ่มข ึ้นเป็น
200,000 ชั่ง (Siffin, 1966: 40) โดยรายได้เหล่านี้บางส่วนได้นำ�ไปจ้างแรงงานชาวจีนในการก่อสร้างถนน
สะพาน และงานสาธารณะอื่นๆ ดังกล่าวม าแล้ว
ความต้องการด้านการเงินของศูนย์กลางเพื่อนำ�มาใช้ในการพัฒนาและด้านการเมืองการ
ปกครอง ประกอบกับมีทางเลือกใหม่ด้านแรงงาน ทำ�ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและแนวทาง
ปฏิบัติติดตามมา และส่งผลไปสู่การเปลี่ยนแปลงในด้านอื่นๆ อีกหลายด้าน รวมทั้งความสัมพันธ์ในเชิง
ผปู้ กครองก บั ผ อู้ ยใู่ ตป้ กครองแ บบด ัง้ เดมิ ร ะหวา่ งพ ระม หาก ษตั รยิ ก์ บั ป ระชาชน ทคี่ อ่ ยๆ ผอ่ นค ลายร ะบบไพร่
แรงงานไปสู่สามัญชนที่มีอิสระมากขึ้น ขณะที่พระมหากษัตริย์ก็ทรงคลายความเป็นเทวราชาไปสู่ความเป็น
“มนุษยราชา” มากขึ้น ฝ่ายผู้ปกครองก็ได้แสวงหาว ิธีการใหม่ๆ เพื่อทำ�ให้พ ระคลังมีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อนำ�
มาใช้จ่ายทดแทนการส ูญเสียแ รงงานไพร่ด ังก ล่าว
2. สาเหตจุ ากภ ายนอก ได้แก่
2.1 อิทธิพลและการคุกคามจากอาณาจักรใกล้เคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ พม่าได้ลดลง
อย่างม ากจน “สยาม” หรือฝ ่ายไทย แทบไม่ต้องกังวลก ับก ารเตรียมป้องกันประเทศ และก ารท ำ�สงครามใน
รปู แ บบเกา่ เพราะพ มา่ ไดต้ กอ ยใู่ ตก้ ารป กครองข องอ งั กฤษม าต ัง้ แตส่ มยั ร ชั กาลท ี่ 3 สว่ นด า้ นต ะวนั อ อก หลาย
อาณาจักรก ็ค่อยๆ มาอ ยู่ใต้การปกครองของฝ รั่งเศสในลักษณะเดียวกัน
2.2 ปจั จยั ส �ำ คญั ท ค่ี กุ คามต อ่ ส ยาม หรอื ไทย กค็ ือ “พลังอ ำ�นาจข องต ะวันต ก” ทีม่ พี ลังร ุนแรง
และจ ริงจังก ้าวหน้าเหนือก ว่าอ าณาจักรในแ ถบน ีท้ ุกด ้าน รวมท ั้งพ ลังท างท หาร การค ้า การเมือง และพ ลังข อง
ความร ู้ ตลอดจ นค วามเจริญก ้าวหน้าท างด ้านว ิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีต ่างๆ ผู้ป กครองต ั้งแต่ย ุคอ ยุธยา
มาจ นถึงย ุคร ัตนโกสินทร์ ได้ติดต่อม ีค วามส ัมพันธ์ก ับต ะวันต กม าอ ย่างต ่อเนื่อง (Siffin, 1966: 42-50)* และ
ค่อยๆ ซึมซับและตระหนักรู้ถึงพลังอำ�นาจที่ทวีสูงขึ้นของตะวันตกในยุคของการยินยอมทำ�สนธิสัญญาทาง
พระร าชไมตรี และก ารเสียด ินแ ดนเพื่อแ ลกเปลี่ยนก ับอ ธิปไตย และก ารอ ยูร่ อดข องร ัฐท ั้งหมดในส มัยร ัชกาล
ที่ 3 และร ัชกาลที่ 4 จนนำ�มาส ู่ก ารเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในห ลายๆ ด้าน รวมทั้งโครงสร้าง และสถาบันท าง
การเมืองในสมัยรัชกาลท ี่ 5
* ยุคอ ยุธยา พ.ศ. 2054 Don Affonse d’Albuquerque ผปู้ กครองโปรตุเกสไดส้ ่งท ูตม าเข้าเฝ้าก ษัตริยอ์ ยุธยา ตามม าด ้วย
นักผจญภัยชาวโปรตุเกสเข้ามาเป็นทหารในกองทัพอยุธยา ต่อมาพ่อค้าชาวฮอลแลนด์และอังกฤษก็เข้ามาสร้างสัมพันธ์กับผู้ปกครอง
อยุธยาในช ่วงท ีอ่ ยุธยาต ้องการถ ่วงด ุลอำ�นาจก ับห ลายช าตติ ะวันต ก พ.ศ. 2152 คณะทูตช ุดแ รกจ ากอ ยุธยาไปถ ึงก รุง Hague และต่อม า
ก็ส ่งท ูตไปฝรั่งเศส พ.ศ. 2227 และ พ.ศ. 2228 คอนส แตนติน ฟอนคอน นักผจญภ ัยย ุโรปเข้าม าอ ยุธยาในช่วงท ศวรรษ 2223 และได้
กลายเป็นข ุนนางท ีท่ รงอ ำ�นาจค นห นึ่งในร ัชกาลส มเด็จพ ระน าร ายณ ์ แตต่ ่อม าก ถ็ ูกส ังหารโดยพ ระเทพร าชา หลังจ ากน ั้นค วามส ัมพันธ์ก ับ
ยโุ รปก ม็ รี ะดบั ล ดล ง ขณะท เี่ กดิ ส งครามก บั พ มา่ ห ลายค รัง้ และข ยายก ารค า้ ก บั จ นี จนก ระทัง่ ส มยั ร ตั นโกสนิ ทรต์ อนต น้ สยามไดเ้ ผชญิ ก บั
อิทธิพลท ีส่ ำ�คัญแ ละแ ตกต ่างจ ากเดิมข องต ะวันต ก ภายใต้ “ลัทธจิ ักรวรรดินิยม” (Imperialism) จนเกิดก ารต กลงท ำ�สนธสิ ัญญาเบอรน์ ี่
พ.ศ. 2369 และครั้งสำ�คัญ คือ สนธิสัญญาเบาว์ริง พ.ศ. 2395 ที่มีผลในการเกิดตลาดการค้าภายในรัฐ และยุติการผูกขาดของ
พระคลังสินค้า โดยในช่วงเดียวกันนี้ พวกมิชชันนารีก็ได้นำ�ความรู้ วิทยาการ และเทคโนโลยีใหม่เข้ามาจนเกิดการเปลี่ยนแปลงใน
หลายๆ ด้าน และขยายว งก ว้างในเวลาต่อมา