Page 47 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 47
โครงสร้าง และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย 5-37
เสนาบดีข องท ุกกระทรวง รวมทั้งเสนาบดีกรมย ุทธนาธิการ มีตำ�แหน่งเป็นส มาชิก 12 สมาชิกข อง
สภาเสนาบดี (Council of Ministers) หรือท ี่เรียกว ่า “ลูกขุน ณ ศาลา” เพื่อให้เป็นห น่วยง านใหม่ แทนที่ส ภา
6 รัฐมนตรี แบบเดิม โดยภ ายใต้โครงสร้าง และสถาบันท างการเมืองก ารปกครองใหม่ดังกล่าว ทุกกระทรวง
มีสถานะเท่าเทียมกัน เพราะไม่มีอัครมหาเสนาบดีเหมือนในอดีต และอำ�นาจหน้าที่ของทุกกระทรวงก็อยู่
ภายใต้ข อบเขตข องก ฎหมาย ผู้ด ำ�รงต ำ�แหน่งต ่างๆ ทุกร ะดับได้ร ับเงินเดือนป ระจำ� ไม่ใช่ต ำ�แหน่ง “กินเมือง”
หรือเก็บภ าษี และห าร ายได้เองของผู้มีต ำ�แหน่งเหมือนในอดีต
2. ส่วนภ มู ิภาค: ระบบเทศาภบิ าล จังหวัด อ�ำ เภอ ตำ�บล หมูบ่ า้ น
ระบบเทศาภิบาล คือ ระบบจัดแบ่งเขตการปกครองท้องถิ่น หรือในส่วนภูมิภาค โดยส่วนกลาง
ต้องการให้เชื่อมโยงเข้ากับส่วนกลางจนสามารถทำ�การควบคุมบังคับบัญชาได้ทั่วถึง และเป็นการยกเลิก
อำ�นาจของเจ้าเมืองใน “ระบบกินเมือง” แบบดั้งเดิม ที่ผู้ปกครองเมืองทั้งหลายมีอิสระและสามารถท้าทาย
อำ�นาจของส่วนกลางได้ นอกจากนั้นยังเป็นการเปลี่ยนแปลงให้เกิดความทันสมัย (Modernization) ของ
ระบบการเมืองการปกครอง ในด้านกลับกันระบบเทศาภิบาลจึงสะท้อนถึงการรวมอำ�นาจมาสู่ส่วนกลาง
(centralized of power) อีกด ้วย
“มณฑล” คือส่วนประกอบสำ�คัญของระบบเทศาภิบาล โดยเริ่มดึงเอาอำ�นาจหน้าที่ของผู้ปกครอง
เมืองมาอยู่กับ “คณะกรรมการมณฑล” ที่มีการคัดเลือกกรรมการอย่างระมัดระวัง และจัดระบบเกี่ยวกับ
หน้าที่และค วามร ับผ ิดชอบไว้โดยเฉพาะ
เดือนม กราคม พ.ศ. 2437 กรมพ ระยาด ำ�รงร าชาน ภุ าพไดจ้ ัดการป ระชุมป ระจำ�ปหี ัวหน้าห รือข ้าหลวง
มณฑลเทศาภิบาลขึ้นครั้งแรก มี “ข้าหลวง” เข้าร่วม 5 คน เป็นการประชุมเพื่อทำ�แผนและฝึกอบรมที่มี
รายล ะเอียดม าก ตลอดเวลา 1 สัปดาห์ พระบาทส มเด็จพ ระจ ุลจอมเกล้าเจ้าอ ยู่ห ัวได้ม ีพ ระร าชห ัตถเลขา และ
กรมพระยาดำ�รงราชานุภาพได้นำ�มาอ่านในที่ประชุม เนื้อหาสาระสำ�คัญก็คือ การต้องปรับตัวใน 2–3 ด้าน
แตจ่ �ำ เปน็ ต อ้ งป รบั เปลีย่ นด า้ นก ารป กครองภ ายในใหด้ มี คี วามเปน็ ส มยั ใหมเ่ สยี ก อ่ น เพราะอ ทิ ธพิ ลข องอ งั กฤษ
และฝ รั่งเศส สองช าตมิ หาอำ�นาจมแี นวโน้มเป็นอ ันตรายค ุกคามอ ย่างย ิ่ง ดังข ้อความบ างต อน คือ (จักร กฤษณ์
นรน ิติผดุงการ 2506: 58-59)
“... บัดนี้ฝ ่ายต ะวันต กโอบข ึ้นไปเหนือ เมืองเหล่าน ี้ต กเป็นข องอ ังกฤษ ข้างฝ ่ายต ะวันอ อกโอบข ึ้นไป
เหนือ ตกเป็นของฝรั่งเศส เมืองเราตั้งอ ยู่ท่ามกลางประเทศที่มีก ารปกครองอย่างก วดขันแ ละมีกำ�ลังม ากกว่า
เจ้าของเดิมโดยรอบ... การซ ึ่งจะรักษาม ิให้อันตรายทั้งภ ายในแ ละภายนอกได้มีอยู่ 3 ประการ คือ พูดจาก ัน
ในท างไมตรีอย่างหนึ่ง มีก ำ�ลังพ อที่จ ะรักษาค วามสงบเรียบร้อยของบ ้านเมืองอ ย่างห นึ่ง การป กครองให้เสมอ
กันอ ย่างห นึ่ง... ถ้าไม่จ ัดการปกครองให้เรียบร้อย ทุนซึ่งจ ะเป็นท ี่ต ั้งให้ม ีก ำ�ลังพ อร ักษาค วามส งบเรียบร้อยได้
นั้นก จ็ ะไมพ่ บ การซ ึ่งจ ะไดก้ ำ�ลังบ ริบูรณไ์ดต้ ้องอ าศัยค วามป กครองใหร้ าษฎรไดท้ ำ�มาห ากินส ะดวก... ซึ่งจ ะได้
มาเสียภาษีอ ากร จึงจะเป็นกำ�ลังบ้านเมืองได้”