Page 40 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 40

5-30 การเมืองการปกครองไทย

ได้แก่ หนึ่ง การ​ทบุ ​ดว้ ย​ท่อน​จนั ท์ ให้​พระ​โลหิต​ตกใน และ​สอง การ​เนรเทศ​ไป​คมุ ​ขงั ​ให​้อด​พระ​กระยาหาร​จน​
สนิ้ พระชนม์ (จันทร์​ฉาย ภัค​อธิคม 2528: 105-106)*

            3.3 	การ​สร้าง​คำ�​ราชาศัพท์​และ​การ​ตั้ง​พระ​นามาภิไธย​สำ�หรับ​ใช้​กับ​พระ​มหา​กษัตริย์ และ​
พระ​ราชวงศ์​โดย​เฉพาะ​ตาม​ลัทธิ​เทว​ราชา​ของ​ศาสนา​พราหมณ์ พระ​มหา​กษัตริย์​ทรง​อวตาร​มา​จาก​พระ​ผู้​เป็น​
เจา้ ใ​นส​ รวงส​ วรรคด​์ งั ก​ ลา่ วม​ าแ​ ล้ว พระม​ หาก​ ษตั รยิ แ​์ ละส​ ถาบนั พ​ ระม​ หาก​ ษัตริย์ นอกจากจ​ ะม​ คี​ วามศ​ ักดิ์สทิ ธิ​์
และ​สูงส่ง​เหนือ​กว่า​มนุษย์​ปุถุชน​โดย​ทั่วไป​แล้ว ยัง​มี​ลักษณะ​พิเศษ​เฉพาะ​ที่​เป็น​หนึ่ง​เดียว​ใน​สังคม เหตุ​นี้
นอก​เหนือ​จาก​การ​มี​พระ​ราช​พิธี และ​พิธี “ศักดิ์สิทธิ์” เฉพาะ และ​การ​มี​ระเบียบ​กฎ​เกณฑ์​ที่​ต้อง​ปฏิบัติ​จน​
เกิด​เป็น​จารีต​ประเพณี​สำ�คัญ​แล้ว คำ�​ที่​ใช้​เรียก​และ​คำ�​ที่​เอ่ย​หรือ​พูด​กับ​หรือ​พูด​ถึง​พระ​มหา​กษัตริย์​จึง​ต้อง​มี​
ลักษณะพ​ ิเศษ และม​ ี​ลักษณะ​ศักดิ์สิทธิ์ สูงส่ง เสมือน​กับท​ ี่ใ​ช้​กับเ​ทพเจ้า​ทั้งห​ ลาย

            คำ�​ราชา​ศัพท์ส​ ำ�คัญๆ ดัง​กล่าว​นี้ ได้แ​ ก่ (จันทร์ฉ​ าย ภัค​อธิคม 2528: 94-99)
                 1)	การเ​อย่ พ​ ระนาม และอ​ น่ื ๆ วา่ “พระเจา้ อยหู่ วั ” “พระผ​ เ​ู้ ปน็ เ​จา้ ” “สมเดจ็ พ​ ระพทุ ธเจา้ ห​ ลวง”

ขุน​หลวง พระ​สงฆ์ จะ​ใช้ค​ ำ�​ว่า “พระบาทส​ มเด็จ​บรม​บพิตรพ​ ระพุทธเจ้าอ​ ยู่​หัว” และ “พระร​ าช​สมภาร”
                 2)	คำ�​พูด คำ�​กล่าว คำ�​สั่ง ของ​พระ​มหา​กษัตริย์ ก็​เป็น พระ​ราชโองการ (ปกา​ศิต​ของ​

พระอ​ ิศวร) พระบรม​ราชโองการ พระร​ าช​ดำ�รัส และพ​ ระ​ราชโองการ​ดำ�รัส เป็นต้น
                 3)	สรรพ​สิ่ง​หรือ​สิ่ง​ขอ​งอื่นๆ ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​พระ​มหา​กษัตริย์ เช่น ที่พัก​อาศัย ก็​

คือ พระราชวัง ปราสาท​ราชวัง และ​วัง เป็นต้น อื่นๆ ก็​คือ องค์​พระที่นั่ง พระ​ราช​สาส์น ตรา สีห​บัญชร
เบญจ​ดุริยางค์ พระภ​ ูษามาลา

                 สว่ นพ​ ระบรมน​ ามาภไิ ธย กเ​็ กดิ ป​ ระเพณต​ี ัง้ พ​ ระน​ ามาภไิ ธยใ​หก​้ บั พ​ ระม​ หาก​ ษตั รยิ ท​์ เี​่ สดจ็ ​
ขึ้น​ครองร​ าชย์ ดังเ​ช่นท​ ี่​ปรากฏใ​น​พงศาวดารต​ ่างๆ ก็ค​ ือ สมเด็จ​พระ​รามาธิบดี (พระรามผ​ ู้เ​ป็นใ​หญ่) สมเด็จ​
พระร​ าเ​มศ​ วร (นามข​ องพ​ ระศ​ ิวลึงค์ท​ ี่เ​ป็นส​ ัญลักษณ์ข​ องพ​ ระศ​ ิวะ) สมเด็จพ​ ระบรมร​ าชาธิราช (พระร​ าชาผ​ ู้ย​ ิ่ง​
ใหญ่เ​หนือพ​ ระร​ าชาอ​ ื่น) สมเด็จ​พระบรมไ​ตรโลกน​ าถ (ผู้เ​ป็น​ใหญ่ เป็น​ที่พ​ ึ่ง​ของ​โลกท​ ั้ง​สาม = พระพุทธเจ้า)
สมเด็จพ​ ระเจ้าท​ รงธรรม (พระ​ราชาผ​ ูป้​ ระพฤติธ​ รรม) พระเจ้า​ปราสาทท​ อง (มณเฑียรท​ อง หรือห​ อคำ�) สมเด็จ​
พระ​นารายณ์ (พระนาม​พระ​วิษณุ) และ​สมเด็จ​พระ​ภู​มิ​ทรา​ชา (พระ​ราชา​ผู้ทรง​เป็น​พระอินทร์​บน​พื้น​พิภพ)
เป็นต้น (จันทร์ฉ​ าย ภัคอ​ ธิคม 2528: 106-107)**

	 * การส​ ำ�เร็จโ​ทษพ​ ระม​ หาก​ ษัตร​ย์แ​ ละพ​ ระร​ าชวงศ์ด​ ้วยว​ ิธีอ​ ื่นๆ ปรากฏใ​นเ​อกสารป​ ระว​ ัติศ​ าตร​ ์ต​ ่างๆ เช่น พระ​ราชพ​ งศาวดาร​
ฉบับ​สมเด็จ​พระ​พน​รัตน์ เป็นต้น ได้​บันทึก​ไว้​ว่า โดย​การ​เฆี่ยน​จน​สิ้นพระชนม์ กรณี​เจ้า​ฟ้า​ธร​รมาธิเบ​ศร์​และ​เจ้า​ฟ้า​สังวาล และ​ด้วย​
วิธี “ตัด​ศีรษะ” หรือ “บั่น​คอ” มี 1-2 ครั้ง คือ ครั้ง​แรก​สำ�เร็จ​โทษ​ขุน​ว​รวง​ษาธิ​ราช ​และ​ครั้ง​ที่​สองสำ�เร็จ​โทษ​สมเด็จ​พระเจ้าตากสิน
หลังก​ าร​สำ�เร็จโ​ทษ​แล้วก​ ็​จะ​นำ�​พระศ​ พ​ไปฝ​ ัง
		 ** ตามร​ าช​ประเพณี​นั้น พระน​ ามาภิไธยม​ ักจ​ ะป​ รากฏ​อยู่​แต่เ​ฉ​พาะใ​นพ​ ระ​สุพรรณบัฏ พระน​ ามาภิไธย​ย่อ​ปรากฏ​ใน​เอกสาร​
ราชการ​ทั่วไป พระ​นามาภิไธย​ที่​ปรากฏ​ใน​กฎหมาย​ตรา​สาม​ดวง ที่​มี​การ​รวบรวม​ชำ�ระ​ขึ้น​ใน​สมัย​รัตนโกสินทร์​ตอน​ต้น มัก​จะ​มี​การ​
แต่งเ​ติมเ​สริมต​ ่อข​ ึ้นม​ าก และย​ ังม​ ีก​ ารต​ ั้งพ​ ระส​ มัญญาน​ ามใ​หม่​ตามพร​ ะร​ าชจ​ ริยวัตรห​ รือพ​ ระเ​กียรติยศท​ ี่เ​ด่นช​ ัดอ​ ันใ​ดอ​ ันห​ นึ่งด้วย อาท​ิ
ขุนห​ ลวง​หาว​ ัด ขุน​หลวงข​ ี้​เรือน​พระเจ้า​เสือ ขุน​หลวง​ท้ายส​ ระ และพ​ ระเจ้า​ช้าง​เผือก เป็นต้น
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45