Page 60 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 60
5-50 การเมืองการปกครองไทย
ไม่มีความเข้มแ ข็งมากเพียงพ อ เพราะป ระชาชนส ่วนใหญ่ยังขาดค วามรู้ความเข้าใจท างการเมือง จากค วาม
ยากจนและมีการศึกษาตํ่า และ ส.ส. ก็ยังยึดวัฒนธรรมอุปถัมภ์และพวกพ้อง จนไม่สามารถทำ�บทบาทที่
สะทอ้ นค วามเปน็ ต วั แทนแ ละ “พลงั ท างส งั คม” ไดอ้ ยา่ งเปน็ ร ปู ธ รรม เมือ่ เกดิ ป ญั หาค วามข ดั แ ยง้ ท างการเมอื ง
ในกลุ่มชนชั้นนำ�ทางการเมือง ในช่วงหลังจากประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ก็นำ�ไปสู่การประกาศยึดอำ�นาจของ
คณะร ัฐประหาร พ.ศ. 2490 อีกครั้งในว ันท ี่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 เพราะค ณะรัฐประหารช ุดน ี้ มุ่งห วัง
จะมีอำ�นาจทางการเมืองต่อไป จึงต้องทำ�การเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ รวมทั้งโครงสร้าง และสถาบันทาง
การเมืองที่เอื้อต่อก ารมีอ ำ�นาจของฝ่ายตน
6. ภายใตร้ ัฐธรรมนญู ฯ พ.ศ. 2475 แกไ้ ขเพ่มิ เติม พ.ศ. 2495
รัฐธรรมนูญฉ บับนี้ ที่ค ณะรัฐประหารนำ�เอาร ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2475 (ฉบับถ าวร) มาแก้ไขเพิ่มเติม
แ ล้วป ระกาศใช้เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2495 ได้กลับไปใช้โครงสร้าง และส ถาบันท างการเมืองก ารป กครอง
คลา้ ยคลงึ ก บั ร ฐั ธรรมนูญฯ พ.ศ. 2475 แตก่ ไ็ ดเ้ พิ่มเตมิ บ างส ่วนข ึน้ ใหมค่ ล้ายคลงึ ก บั ร ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2489
และ พ.ศ. 2492 รวมท ั้งบ ัญญัตใิหก้ ่อต ั้งพ รรคการเมืองข ึ้นได้ เหตนุ ี้ การเปลี่ยนแปลงในค รั้งน ี้ จึงเป็นล ักษณะ
คงที่และถอยหลัง ไม่มีความก้าวหน้าไปสู่แนวทางการพัฒนาการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตย
เหมือนก ับร ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2492
สถาบนั พ ระม หาก ษตั รยิ ์บางส ว่ นย ดึ ต ามร ฐั ธรรมนญู ฯพ.ศ.2492คอื การห า้ มฟ อ้ งร อ้ งพ ระม หาก ษตั รยิ ์
ไม่ว่าก รณีใดๆ และก ำ�หนดให้มีค ณะอ งคมนตรี ทำ�หน้าที่ถ วายค ำ�ปรึกษาแ ด่พระม หากษัตริย์ส ่วนที่ยึดต าม
รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2475 ก็ค ือ พระราชอำ�นาจในการแ ต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนร าษฎรป ระเภทท ี่ 2 แต่ก็เป็น
เพียงในหลักการเพราะในความเป็นจริง ฝ่ายผู้นำ�คณะรัฐประหารเป็นผู้เสนอแต่งตั้ง พระราชอำ�นาจนี้จึงไม่
อิสระเหมือนก ับร ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2492
สถาบันรัฐสภา ใช้ระบบส ภาเดียว สมาชิก 2 ประเภท เหมือนก ับฉบับ พ.ศ. 2475 โดยให้มีจำ�นวน
เท่ากัน ประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ตามสัดส่วนจำ�นวนประชากร ประเภทที่ 2
พระมหาก ษัตริย์ท รงแต่งต ั้ง และในร ะหว่างที่ยังไม่มีการเลือกตั้งป ระเภทที่ 1 ก็ให้ประเภทที่ 2 ทำ�หน้าที่ไป
พลางก่อน (บทเฉพาะกาล) วาระการดำ�รงตำ�แหน่ง 5 ปี อำ�นาจหน้าที่สำ�คัญคือ การตรากฎหมายและการ
ควบคุมการบ ริหารง านข องค ณะร ัฐมนตรี รวมท ั้งก ารข อเปิดอ ภิปรายไมไ่วว้ างใจค ณะร ัฐมนตรีเป็นร ายบ ุคคล
หรือทั้งคณะ
ตามโครงสร้างดังกล่าวนี้ สถาบันรัฐสภาจึงไม่เอื้อต่อการพัฒนาการเมืองการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญก็ได้วางเงื่อนไขการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของรัฐสภาไว้เป็น
ขั้นตอนด้วย คือ ระยะ 5 ปีแ รก ให้ล ดจำ�นวนส มาชิกป ระเภทที่ 2 ลงค รึ่งห นึ่ง ตามเกณฑ์ข องประชาชนท ี่จบ
การศึกษาระดับประถมศึกษามีจำ�นวนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของประชาชนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดในจังหวัดนั้นๆ
สมาชิกป ระเภทท ี่ 2 กต็ ้องอ อกจ ากต ำ�แหน่งเท่ากับจ ำ�นวนส มาชิกป ระเภทท ี่ 1 ทีเ่ลือกต ั้งข ึ้นในจ ังหวัดน ั้น ระยะ
ที่สอง เมื่อค รบเวลา 10 ปี ก็ให้เหลือเพียงส มาชิกประเภทที่ 1 เท่านั้น