Page 62 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 62

5-52 การเมืองการปกครองไทย

7. 	ภายใ​ต​ร้ ฐั ธรรมนูญฯ พ.ศ. 2502

       โครงสร้าง และ​สถาบัน​ทางการ​เมือง​การ​ปกครอง​ภาย​ใต้ “ธรรมนูญ​การ​ปกครอง​ราช​อาณาจักร
พ.ศ. 2502” เปลี่ยนแปลง​แตก​ต่างไ​ปจ​ าก​รัฐธรรมนูญ 6 ฉบับ ก่อน​หน้าน​ ี้เ​กือบส​ ิ้นเ​ชิง เพราะม​ ีก​ ารร​ วม​ศูนย์​
อำ�นาจ​ไป​อยู่ท​ ี่​นายกร​ ัฐมนตรี ในฐ​ านะ​ประมุข​ฝ่ายบ​ ริหาร โดยไ​ม่มี​การต​ รวจส​ อบ​และถ​ ่วงด​ ุลอ​ ำ�​นาจใ​ดๆ จาก​
สภา เพราะ​เป็น​เพียง​สภา​ที่​กำ�หนด​ให้​เป็น “สภา​ร่าง​รัฐธรรมนูญ” และ​รับ​ทราบ​ถึง​การ​บริหาร​งาน​ของ​นายก​
รัฐมนตรีแ​ ละ​คณะร​ ัฐมนตรีเ​ท่านั้น พรรคการเมืองแ​ ละก​ าร​เลือกต​ ั้ง​ไม่มี​การบ​ ัญญัติ​ไว้ใ​นร​ ัฐธรรมนูญ เพราะ​
รัฐธรรมนูญ​มี​เนื้อหา​เพียง 20 มาตรา และม​ ี​ลักษณะ​เป็น​รัฐธรรมนูญช​ ั่วคราว บังคับใ​ช้​เพื่อ​รอ​การ​ประกาศ​
ใช้ร​ ัฐธรรมนูญ​ฉบับ​ใหม่ แต่ใ​น​ทางป​ ฏิบัติจ​ ริง ได้ม​ ีก​ ารบ​ ังคับ​ใช้​ถึง พ.ศ. 2511 หรือ​กว่า 9 ปี และเ​กิดร​ ัฐบาล​
เผด็จการท​ หาร ภายใ​ต้ผ​ ู้นำ�​ทหาร 2 คน คือ จอมพ​ ล​สฤษดิ์ ธนะ​รัชต​ ์ (พ.ศ. 2502–2506) และจ​ อมพลถ​ นอม
กิตติข​ จร (พ.ศ. 2506–2511)*

       สถาบนั พ​ ระม​ หาก​ ษตั รยิ ์ มพ​ี ระร​ าชอ​ �ำ นาจใ​นก​ ารแ​ ตง่ ต​ ัง้ ส​ มาชกิ ส​ ภาร​ า่ งร​ ฐั ธรรมนญู และแ​ ตง่ ต​ ัง้ น​ ายก​
รัฐมนตรี แต่ใ​น​ทางป​ ฏิบัติจ​ ริง ฝ่าย​ผู้นำ�​ทหาร​ที่ท​ ำ�​รัฐประหารเ​ป็นฝ​ ่าย​ได้​รับต​ ำ�แหน่งน​ ายกร​ ัฐมนตรี คัดเ​ลือก​
บุคคล​ให้​เข้าเ​ป็นส​ มาชิกส​ ภา​ร่าง​รัฐธรรมนูญ และ​พระ​ราชอ​ ำ�นาจ​ให้ร​ ัฐมนตรีพ​ ้นจ​ ากต​ ำ�แหน่ง

       สถาบัน​รัฐสภา รัฐธรรมนูญ​กำ�หนด​ให้​สภา​ร่าง​รัฐธรรมนูญ​ที่​มี​สมาชิก 240 คน มา​จาก​การ​แต่ง​ตั้ง
ทำ�​หน้าที่​รัฐสภา โดย​เน้น​อำ�นาจ​หน้าที่​ใน​การ​ร่าง​รัฐธรรมนูญ​ฉบับ​ใหม่ ไม่ใช่​หน้าที่​ทาง​ด้าน​นิติบัญญัติ​หรือ​
การ​ตรา​กฎหมาย​เป็น​หลัก และ​ใน​ความ​เป็น​จริง ก็​ปรากฏ​ว่า​สมาชิก​สภา​เกือบ​ทั้งหมด​เป็น​ข้าราชการ​ทหาร​
และข​ ้าราชการ​พลเรือน

       สถาบันบ​ ริหาร หรือค​ ณะร​ ัฐมนตรี ประกอบด​ ้วย​นายกร​ ัฐมนตรี 1 คน ที่พ​ ระม​ หาก​ ษัตริย์ท​ รงแ​ ต่งต​ ั้ง
และ​รัฐมนตรี​จำ�นวน “ตาม​อำ�นาจ​ที่​สมควร” หรือ​อาจ​ตีความ​ได้​ว่า ตาม​ที่​นายก​รัฐมนตรี (จอม​พล​สฤษดิ์
ธนะร​ ัช​ต์ และ​คนต​ ่อม​ าค​ ือ จอมพลถ​ นอม กิตติข​ จร) จะ​เห็น​สมควร โดยห​ ้ามไ​ม่ใ​ห้​ดำ�รง​ตำ�แหน่ง​สมาชิก​สภา​
ในเ​วลาเ​ดียวกัน มีอ​ ำ�นาจห​ น้าที่ใ​นก​ ารบ​ ริหารร​ าชการแ​ ผ่นดิน แต่อ​ ำ�นาจท​ ี่ส​ ำ�คัญท​ ี่สุด บัญญัติไ​ว้ใ​นม​ าตรา 17
ใหน้​ ายกร​ ัฐมนตรขี​ อมต​ คิ​ ณะร​ ัฐมนตรใี​ชอ้​ ำ�นาจส​ ั่งก​ าร หรือก​ ระทำ�​การใ​ดๆ ตามท​ ีเ่​ห็นส​ มควรเ​พื่อป​ ระโยชนใ์​น​
การ​ระงับ​หรือ​ปราบ​ปราม​การก​ระ​ทำ�​อัน​เป็นการ​บ่อน​ทำ�ลาย ก่อกวน หรือ​คุกคาม​ความ​สงบ​ที่​เกิด​ขึ้น​ภายใน​
หรือม​ า​จาก​ภายนอก​ราช​อาณาจักร และเ​มื่อ​ดำ�เนิน​การไ​ปแ​ ล้วก​ ็​แจ้ง​ให้ก​ ับ​สภาร​ ับ​ทราบ

       ถ้าจ​ ะต​ ีความใ​ห้ช​ ัดเจน​และพ​ ิจารณาก​ ารป​ ฏิบัติท​ ี่เ​กิดข​ ึ้นจ​ ริงใ​นเ​วลาต​ ่อม​ าก​ ็ค​ ือ การ​กำ�หนด​ให้อ​ ำ�นาจ​
ของส​ ถาบันน​ ิติบัญญัติ อำ�นาจ​ของส​ ถาบัน​บริหาร และ​อำ�นาจข​ อง​สถาบัน​ตุลาการ มา​รวม​อยู่​กับ​การต​ ัดสิน​ใจ​
ในก​ าร​บังคับใ​ช้โ​ดย​นายกร​ ัฐมนตรี โดย​เฉพาะอ​ ย่างย​ ิ่ง คือ จอมพ​ ลส​ ฤษดิ์ ธนะ​รัชต​ ์ โดยตรง

	 *จอม​พล​สฤษดิ์ ธนะ​รัช​ต์ อยู่​ใน​ตำ�แหน่ง​นายก​รัฐมนตรี​ระหว่าง พ.ศ. 2501–2502 ใน​ฐานะ​ผู้นำ� “คณะ​ปฏิวัติ” และ​ใช้​
คำ�​สั่งแ​ ละป​ ระกาศค​ ณะป​ ฏิวัติเ​ป็นก​ ฎหมาย​สูงสุด ส่วนจอมพลถ​ นอม กิตติ​ขจร ดำ�รงต​ ำ�แหน่งน​ ายกร​ ัฐมนตรี ระหว่าง พ.ศ. 2511–2514
ภายใ​ตร้​ ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2511 และใ​นช​ ่วง พ.ศ. 2514–2515 จากก​ ารเ​ป็นผ​ ู้นำ�​คณะป​ ฏิวัตแิ​ ละใ​ชป้​ ระกาศแ​ ละค​ ำ�​สั่งข​ องค​ ณะป​ ฏิวัตเิ​ป็น​
กฎหมายส​ ูงสุด แต่​ในช​ ่วง พ.ศ. 2515–2516 เป็นน​ ายกร​ ัฐมนตรีภ​ ายใ​ต้ร​ ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2515
   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67