Page 82 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 82
5-72 การเมืองการปกครองไทย
8.1 ภายใตร้ ัฐธรรมนญู ฯ พ.ศ. 2549
“รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2549 (ฉบับช ั่วคราว)” กำ�หนดโครงสร้าง และสถาบันก ารเมืองก ารปกครอง
ไว้คล้ายๆ กับรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2534 (ฉบับชั่วคราว) และที่เป็นตัวแบบมาก่อนหน้านั้นหลายฉบับ
กล่าวคือ กำ�หนดให้มีสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำ�หน้าที่ด้านนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารคือคณะรัฐมนตรี
มาจากการแต่งตั้งของคณะ คปค. ที่กลายมาเป็น “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ” หรือ คมช. ตาม
รัฐธรรมนูญฉบับนี้ และสถาบันตุลาการ ก็ยังคงไว้ตามโครงสร้างเดิมต ามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540
ส่วนส าระส ำ�คัญใหม่แ ละก ารจ ัดต ั้งอ งค์กรห รือค ณะก รรมการใหม่ต ามร ัฐธรรมนูญฉ บับน ี้ ก็ค ือ การ
ก�ำ หนดใหม้ กี ารส รรหาส มาชกิ ส ภาน ติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ช าติ (สนช.) มาจ ากก ลุม่ แ ละอ งคก์ รต า่ งๆ ทัง้ ส ายว ชิ าชพี แ ละ
วิชาการ มีจ ำ�นวนไม่เกิน 250 คน การจ ัดต ั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยให้ต ัวแทนข ององค์กรต่างๆ รวมท ั้งกลุ่ม
เอกชนน อกภาครัฐ หรือ เอ็นจีโอ (NGOs) จำ�นวนไม่เกิน 2,000 คน รวมก ันเป็น “สมัชชาแ ห่งชาติ” แล้วเลือก
กันเองให้เหลือ 200 คน ส่งให้ป ระธาน คมช. คัดเลือกเหลือ 100 คน เป็นสมาชิกสภาร ่างร ัฐธรรมนูญ (สสร.)
นอกจากนั้น คมช. ยังได้จัดตั้ง “คณะก รรมการตรวจสอบก ารกระทำ�อันก่อให้เกิดค วามเสียห ายแ ก่ร ัฐ” หรือ
คตส. ขึ้นมา ทำ�หน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและ
ครอบครัว จนน ำ�ไปส ู่กระบวนการฟ ้องร ้องค ดีต ่อศาลร ัฐธรรมนูญในเวลาต ่อมา และศ าลได้อ ่านค ำ�พิพากษา
ยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 46,000 ล้านบ าท เมื่อว ันท ี่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
โครงสร้าง และส ถาบันทางการเมืองการปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ จึงเป็นโครงสร้างทาง
การเมืองในเชิงเผด็จการ เพราะไม่ได้เปิดท างในก ารมีส ่วนร ่วมทางการเมืองของประชาชนอ ย่างกว้างข วางใน
สถาบันทางการเมืองหลักๆ คือ ฝ่ายน ิติบัญญัติ บริหาร รวมท ั้ง บทบาทของพรรคการเมือง และก ารเลือกตั้ง
ก็ถูกจำ�กัด หรือปิดกั้นไว้ด้วยเช่นกัน รัฐธรรมนูญได้วางกรอบการใช้อำ�นาจทางการเมืองอย่างกว้างขวางให้
กับ “คณะม นตรีความมั่นคงแห่งช าติ” ที่มาจากก ลุ่มผ ู้นำ�ของคณะร ัฐประหาร และประธานค ณะมนตรีค วาม
มั่นคงแห่งช าติ หรือห ัวหน้าค ณะรัฐประหาร
8.2 ภายใตร้ ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2550
“รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550” ได้ผ่านการลงประชามติของประชาชนผู้มีสิทธิ์
เลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2550 โดยเสียงข้างมากราว 14.7 ล้านเสียง ให้การรับรอง
รฐั ธรรมนญู ขณะท เี่ สยี งไมร่ บั รองม อี ยรู่ าว 10.7 ลา้ นเสยี ง รฐั ธรรมนญู จ งึ ไดร้ บั ก ารป ระกาศใชอ้ ยา่ งเปน็ ท างการ
ในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 สาระส ำ�คัญส่วนใหญ่ยึดถือตามร ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540 แต่ได้จัดห มวด
หมูข่ องบ ทบัญญัตติ ่างๆ ออกเป็นกล ุ่มส าระต ่างๆ และเพิ่มเติมร ายล ะเอียดต ่างๆ ใหม้ คี วามช ัดเจนม ากข ึ้น จน
กลายเป็นร ัฐธรรมนูญท ี่ม ีบ ทบัญญัตทิ ี่ม ีร ายล ะเอียดม ากท ี่สุดก ว่า 17 ฉบับท ี่ผ ่านม า แม้ว่าจ ะม ีม าตราท ั้งหมด
309 มาตรา หรือน ้อยก ว่าร ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540 ที่ม ีมาตราต ่างๆ ถึง 336 มาตรา
เหตุนี้ โครงสร้าง และสถาบันทางการเมืองการปกครองตามรัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2550 จึงมีความ
ซับซ ้อนแ ละห ลากห ลายเช่นเดียวก บั ร ฐั ธรรมนญู ฯ พ.ศ. 2540 กล่าวค อื สถาบนั ท างการเมืองห ลักในโครงสรา้ ง
ส่วนบ นค ือ นิติบัญญัติ บริหาร และต ุลาการ ก็ม ีโครงสร้าง ที่มา และล ักษณะข องก ารใช้อ ำ�นาจท ี่ซ ับซ ้อนแ ละม ี
การเปลีย่ นแปลงไปจ าก พ.ศ. 2540 หลายล กั ษณะ ในโครงสรา้ งส ว่ นก ลาง คอื พรรคการเมอื ง และอ งคก์ รอ สิ ระ