Page 77 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 77

โครงสร้าง และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย 5-67

7. 	โครงสรา้ ง และส​ ถาบนั ​ทางการเ​มือง​การป​ กครองข​ องไ​ ทย ตัง้ แต่ พ.ศ. 2540-2549

       ในช​ ่วงเ​วลาร​ าว 10 ปี ดังก​ ล่าวน​ ี้ ไดเ้​กิดก​ ารเ​ปลี่ยนแปลงค​ รั้งส​ ำ�คัญใ​นก​ ารเมืองก​ ารป​ กครองข​ องไ​ทย
หลัง​เหตุการณ์ร​ ุนแรง วัน​ที่ 17–20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 จนเ​กิด​ยุคป​ ฏิรูป​การเมืองข​ ึ้น “รัฐธรรมนูญฉ​ บับ​
ปฏิรูป” นี้ บังคับใ​ช้อ​ ยู่ใ​นช​ ่วงว​ ันท​ ี่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2540 ถึงก​ าร​รัฐประหาร วันท​ ี่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549

       โครงสร้าง และ​สถาบัน​ทางการ​เมือง​การ​ปกครอง​ภาย​ใต้​รัฐธรรมนูญ​ฉบับ​นี้​ยัง​คง​ยึด​หลัก​การ​แบบ​
รัฐสภา ที่​ประกอบด​ ้วย​สอง​สภา ฝ่าย​บริหาร คือ คณะร​ ัฐมนตรี และส​ ถาบัน​ตุลาการ และ​ยัง​มี​บทบัญญัติ​
เกี่ยว​กับพ​ รรคการเมือง ระบบเ​ลือกต​ ั้ง เหมือน​กับร​ ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2517 หรือแ​ ม้แต่​ฉบับ​กึ่งป​ ระชาธิปไตย
พ.ศ. 2521 และ พ.ศ. 2534 แต่​โครงสร้าง​ย่อยแ​ ละ​สาระ​สำ�คัญห​ ลาย​อย่าง​ในโ​ครงสร้าง และ​สถาบัน​หลักๆ
ดัง​กล่าว​นี้ ได้​มี​การ​เปลี่ยนแปลง​ไป​มาก นอกจาก​นั้น ยัง​มี​การ​กำ�หนด​โครงสร้าง และ​สถาบัน​ทางการ​เมือง​
การ​ปก​ครอง​ใหม่ๆ ขึ้น​มา​เพิ่ม​เติม เพื่อ​มุ่ง​หวัง​ให้​เกิด​การ​ตรวจ​สอบ และ​ควบคุม​กระบวนการ​เข้า​สู่​อำ�นาจ​
และ​การ​ใช้​อำ�นาจ​ของ​นักการ​เมือง​และ​กลุ่ม​การเมือง​ให้​โปร่งใส​และ​เป็น​ระบบ​มาก​ยิ่ง​ขึ้น ใน​โครงสร้าง​ระดับ​
พืน้ ฐ​ าน นอกจากก​ ารย​ กเลกิ อ​ �ำ นาจข​ องก​ ระทรวงม​ หาดไทยใ​นก​ ารจ​ ดั การเ​ลอื กต​ ัง้ ม​ าข​ ึน้ อ​ ยกู​่ บั อ​ งคก์ รท​ มี​่ อ​ี �ำ นาจ​
หน้าที่เ​ฉพาะ​ด้าน คือ คณะก​ รรมการ​การ​เลือกต​ ั้ง (กกต.) แล้ว ยัง​เปิด​ทาง​ให้เ​กิด​การม​ ีส​ ่วนร​ ่วมท​ างการเ​มือง​
ของ​ประชาชน​อย่าง​กว้าง​ขวาง หรือ​เกิด​การส​ ร้างป​ ระชาธิปไตย​แบบม​ ีส​ ่วนร​ ่วม (Participatory Democracy)
ขึ้น​มา​ควบคู่​กับ​ประชาธิปไตย​แบบ​ตัวแทน (Representative Democracy) หรือ​ประชาธิปไตย​รัฐสภา
(Parliamentary Democracy) ในแ​ บบจ​ ารีตป​ ระเพณี ที่ใ​ช้​มาต​ ลอด​กว่า 75 ปี (จนถึง พ.ศ. 2540) และเ​กิด​
การเ​ปลี่ยนแปลงใ​นม​ ิติท​ ี่เ​รียกว​ ่า กระบวนการก​ ระจายอ​ ำ�นาจ (Decentralization processes) ไป​สู่ก​ ารเมือง​
การ​ปกครอง​ส่วนท​ ้องถ​ ิ่นอ​ ย่าง​ที่ไ​ม่​เคยเ​กิดข​ ึ้น​มาก​ ่อน​อีกด​ ้วย

       สถาบันพ​ ระม​ หาก​ ษตั ริย์ ยังค​ งใ​ชบ​้ ทบ​ ัญญัตเิ​ดิมๆ เกีย่ วก​ ับฐ​ านข​ องพ​ ระม​ หาก​ ษตั รยิ ์ คณะอ​ งคมนตรี
การส​ ืบส​ ันตตวิ​ งศ์ ตามก​ ฎม​ ณเฑียรบ​ าล พ.ศ. 2467 และ​การแ​ ต่งต​ ั้งผ​ ูส้​ ำ�เร็จร​ าชการแ​ ทนพ​ ระองค์ นอกจาก​นั้น
ก็​มีบ​ ัญญัติถ​ ึงพ​ ระ​ราช​อำ�นาจไ​ว้​ด้วย เช่น การแ​ ต่งต​ ั้ง​คณะก​ รรมการก​ าร​เลือกต​ ั้ง การแ​ ต่ง​ตั้ง​นายก​รัฐมนตรี
และแ​ ต่งต​ ั้งค​ ณะต​ ุลาการ​ศาล​รัฐธรรมนูญ เป็นต้น

       สถาบันน​ ิติบัญญัติ คือร​ ะบบร​ ัฐสภา และ​ประกอบ​ด้วย 2 สภา คือ วุฒิสภา และ​สภาผ​ ู้แ​ ทน​ราษฎร
ประธาน​สภา​ผู้​แทน​ราษฎร​เป็น​ประธาน​รัฐสภา สภา​ผู้​แทน​ราษฎร​ประกอบ​ด้วย​สมาชิก 500 คน มา​จาก​การ​
เลือกต​ ั้ง 2 ระบบ กล่าว​คือ มาจ​ ากร​ ะบบบ​ ัญชีร​ ายช​ ื่อพ​ รรค (Party list) 100 คน โดย​ระบบก​ ารค​ ิดค​ ะแนน​แบบ​
สัดส่วน (Proportional System: PS) และจ​ าก​ระบบ​แบ่ง​เขตเ​ลือก​ตั้ง​เขต​ละค​ น หรือ One Man One Vote
อีก 400 คน โดย ส.ส. ต้อง​ไม่ด​ ำ�รง​ตำ�แหน่ง​อื่นใ​ดใ​น​หน่วย​ราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรป​ กครองส​ ่วน​ท้องถ​ ิ่น
(อปท.) ไม่ร​ ับ​สัมปทานจ​ ากห​ น่วยร​ าชการ หรือใ​ช้ส​ ถานะ ส.ส. เข้าไป​แทรกแซง​การบ​ รรจุ แต่ง​ตั้ง ข้าราชการ
และใ​นม​ าตรา 120 ยังบ​ ัญญัติถ​ ึง​ตำ�แหน่ง “ผู้นำ�​ฝ่ายค​ ้านใ​น​สภา​ผู้​แทน​ราษฎร” เหมือน​กับ​รัฐธรรมนูญฉ​ บับ
พ.ศ. 2534 ส.ส. มอี​ ำ�นาจห​ น้าทีเ่​สนอร​ ่างก​ ฎหมายแ​ ละก​ ารพ​ ิจารณาอ​ นุมัตกิ​ ฎหมายแ​ ละก​ ารค​ วบคุมก​ ารบ​ ริหาร​
ราชการ​แผ่น​ดินด​ ้วยก​ าร​ตั้งก​ ระทู้​ถาม การเ​สนอญ​ ัตติ​ขอเ​ปิดอ​ ภิปราย​ไม่ไ​ว้ว​ างใจท​ ั่วไปเ​พื่อล​ งม​ ติ​ไม่ไ​ว้​วางใจ​
นายก​รัฐมนตรี และร​ ัฐมนตรี​เป็น​รายบ​ ุคคลแ​ ละ​ทั้งค​ ณะ แต่​รัฐธรรมนูญฉ​ บับน​ ี้ไ​ด้​กำ�หนดเ​งื่อนไขไ​ว้​ให้​ทำ�ได้​
ยากก​ ว่า​ทุกฉ​ บับท​ ี่​ผ่านม​ า โดยเ​ฉพาะ​อย่าง​ยิ่งก​ าร​อภิปรายไ​ม่​ไว้​วางใจน​ ายก​รัฐมนตรี ต้อง​ลงชื่อ​กันถ​ ึง 2 ใน
   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81   82