Page 75 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 75
โครงสร้าง และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย 5-65
พรรคการเมือง เป็นต้น แต่ไม่บ ัญญัติห้ามก ารเป็นข ้าราชการป ระจำ� วาระการดำ�รงตำ�แหน่ง 6 ปี ครบ 3 ปี ให้
จับส ลากออกค รึ่งหนึ่ง และม ีการแ ต่งต ั้งเข้าไปแทนที่ อำ�นาจห น้าที่สำ�คัญ คือ การพ ิจารณากฎหมายที่ผ่านมา
จากส ภาผ ู้แ ทนร าษฎร และการค วบคุมการบ ริหารร าชการแผ่นดิน ด้วยการต ั้งก ระทู้ถ าม และก ารย ื่นญ ัตติข อ
เปิดอ ภิปรายทั่วไป เพื่อให้ค ณะรัฐมนตรีแ ถลงข้อเท็จจริง โดยไม่มีการล งมติ
สภาผู้แ ทนร าษฎร มาจ ากก ารเลือกต ั้งโดยตรงจ ากประชาชน มีจ ำ�นวน 360 คน มีอายุต ั้งแต่ 25 ปีข ึ้น
ไป เป็นสมาชิกพรรคการเมืองท ี่ส ่งสมาชิกเข้าสมัครร ับเลือกต ั้งพรรคเดียว มีว าระดำ�รงตำ�แหน่ง 4 ปี อำ�นาจ
หน้าที่ส ำ�คัญ คือ การเสนอแ ละพ ิจารณาร ่างก ฎหมาย การนำ�เสนอร ่างก ฎหมายต ้องให้พ รรคการเมืองท ี่ส ังกัด
มีม ติให้เสนอได้ และม ี ส.ส. ในพรรคเดียวกันลงน ามร ับรองไม่น ้อยก ว่า 20 คน และอำ�นาจในก ารค วบคุมการ
บริหารร าชการแผ่นดิน ด้วยก ารตั้งก ระทู้ถาม และ ส.ส. จำ�นวน 1 ใน 5 ของจำ�นวนท ั้งหมดเท่าที่มีอ ยู่ในส ภา
มีสิทธิ์เข้าช ื่อเสนอญัตติข อเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้ว างใจร ัฐมนตรีเป็นร ายบ ุคคลห รือทั้งค ณะ มติ
ไม่ไว้วางใจจ ะต้องมีเสียงเกินก ว่าก ึ่งห นึ่งข อง ส.ส. ทั้งหมด เท่าท ี่มีอยู่ในสภา ในม าตรา 116 ยังบัญญัติให้ม ี
“ผู้นำ�ฝ่ายค ้านในสภาผู้แ ทนร าษฎร” คือผ ู้ที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่มี ส.ส. มากท ี่สุดท ี่ไม่ได้ร่วมจัดต ั้ง
รัฐบาล
สถาบันบ ริหาร คือ คณะร ัฐมนตรี ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี 1 คน พระม หากษัตริย์ทรงแ ต่งต ั้ง
ประธานสภาผู้แทนร าษฎรลงนามรับส นองพ ระบรมร าชโองการแ ต่งต ั้ง และร ัฐมนตรีอ ื่นอีกไม่เกิน 48 คน ทำ�
หน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน โดยต้องเป็นเพียงข้าราชการการเมือง คือ จะเป็นข้าราชการประจำ�มิได้ และ
ข ้อห ้าม อื่นๆ เช่น การม ีต ำ�แหน่งในบ ริษัท ห้างร ้านแ ละอ งค์ก รใดๆ ทีด่ ำ�เนินธ ุรกิจเพื่อแ สวงหาผ ลก ำ�ไร เป็นต้น
กอ่ นเขา้ ท ำ�หนา้ ทีต่ อ้ งแ ถลงน โยบายต อ่ ร ฐั สภา โดยไมม่ กี ารล งม ตคิ วามไวว้ างใจ และก ารท �ำ งานต อ้ งร บั ผ ดิ ช อบ
ต่อสภาผู้แทนราษฎรในหน้าที่ของรัฐมนตรี และรับผิดชอบร่วมกันทั้งคณะรัฐมนตรีต่อวุฒิสภาและ
สภาผู้แทนร าษฎร ในอีกด้านหนึ่ง คณะรัฐมนตรีม ีอำ�นาจในการย ุบส ภาผู้แ ทนราษฎร
สถาบันตุลาการ คือ ศาลและผู้พ ิพากษา มาตรา 186 บัญญัติไว้ว่า “การพิจารณ าพ ิพากษาอ รรถคดี
เป็นอ ำ�นาจข องศ าล ซึ่งต ้องด ำ�เนินก ารต ามก ฎหมายแ ละในพ ระป รมาภิไธยพ ระม หาก ษัตริย์” และห ้ามก ารจ ัด
ตัง้ ศ าลข ึน้ ใหมเ่ พือ่ พ จิ ารณาพ พิ ากษาค ดใี ดค ดหี นึง่ หรอื ค ดที มี่ ขี อ้ หาจ ากฐ านใดฐ านห นึง่ เปน็ การเฉพาะ (มาตรา
188) และก ำ�หนดให้ผู้พิพากษาแ ละต ุลาการมีอิสระในการพ ิจารณาพิพากษาอรรถค ดีให้เป็นไปตามกฎหมาย
(มาตรา 190) ในม าตรา 193 ยังบ ัญญัติให้มี “คณะก รรมการต ุลาการ” หรือ ก.ต. รับผ ิดชอบเรื่องการแ ต่งตั้ง
ถอดถอน การเลื่อนเงินเดือนผ ู้พ ิพากษา เพื่อให้เกิดค วามเป็นอ ิสระของศาลมากขึ้น
พรรคการเมืองและการเลือกตั้ง รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ “บุคคลมีเสรีภาพในการรวมกันเป็น
พรรคการเมือง เพื่อด ำ�เนินก ิจกรรมในท างการเมือง ตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอ ันมีพ ระ
มหาก ษัตริยท์ รงเป็นป ระมุข ... ตามบ ทบัญญัตแิ ห่งก ฎหมายว า่ ด ้วยพ รรคการเมือง” (มาตรา 41) ในท างป ฏิบัติ
กค็ ือ กฎหมายพ รรคการเมืองฉ บับท ี่ 4 ทีป่ ระกาศใชเ้มื่อ พ.ศ. 2524 ซึ่งคณะร ัฐประหารไม่ไดส้ ั่งใหย้ กเลิก โดย
พรรคต ้องจ ัดท ำ�บัญชที รัพย์สินแ ละห นีส้ ินแ ละแ สดงท ี่มาท ีไ่ปข องร ายรับแ ละร ายจ ่ายโดยเปิดเผย และต ้องส ่ง
ผู้ส มัครร ับเลือกต ั้งร วมก ันไม่น ้อยก ว่า 120 คน และต ้องม ีผ ู้ส มัครค รบต ามจ ำ�นวน ส.ส. ที่พ ึงม ีพ ึงได้ในแ ต่ละ
เขตเลือกตั้ง ส่วนระบบการเลือกตั้งให้จ ัดสัดส่วน ส.ส. ตามจำ�นวนประชากรในแต่ละจังหวัดจนค รบ 360 คน