Page 83 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 83

โครงสร้าง และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย 5-73

ทัง้ ห​ ลาย กย​็ งั ค​ งก​ �ำ หนดใ​หม​้ ก​ี ารก​ อ่ ต​ ัง้ อ​ �ำ นาจ หนา้ ที่ และบ​ ทบาทท​ างการเ​มอื ง ตลอดจ​ นก​ ารต​ รวจส​ อบ ควบคมุ
และก​ ารถ​ ่วงด​ ุลอำ�นาจก​ ับส​ ถาบันท​ างการเ​มืองอ​ ื่นไ​ว้อ​ ย่างซ​ ับซ​ ้อน แต่ไ​ด้เ​พิ่มบ​ ทล​ งโทษร​ ุนแรงข​ ึ้นใ​นก​ รณีข​ อง​
พรรคการเมือง ถ้าม​ กี​ ารท​ ำ�​ผิดเ​กี่ยวก​ ับก​ ารเ​ลือกต​ ั้ง จะต​ ้องถ​ ูกล​ งโทษถ​ ึงข​ ั้นย​ ุบพ​ รรคแ​ ละต​ ัดส​ ิทธิ​์ทางการเ​มือง​
ของ​คณะ​กรรมการบ​ ริหารพ​ รรค เป็นเ​วลา 5 ปี (มาตรา 237)

       ใน​โครงสร้าง​พื้น​ฐาน คือ ระบบ​การ​เลือก​ตั้ง อปท. ทั้ง​หลาย และ​การ​มี​ส่วน​ร่วม​ทางการ​เมือง​ของ​
ประชาชน กลุ่ม และ​ชุมชนท​ ้องถ​ ิ่นต​ ่างๆ นอกจาก​จะค​ งไ​ว้ต​ ามร​ ัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540 แล้ว​ก็ได้เ​ปลี่ยนแปลง​
ระบบ​การ​เลือก​ตั้ง แตก​ต่างไ​ปจ​ ากเ​ดิมใ​น​บางล​ ักษณะ กล่าวค​ ือ ใน​การเ​ลือก​ตั้ง ส.ว. กำ�หนดใ​ห้ ส.ว. ทั้งหมด
150 คน มี​ที่มาจ​ าก 2 ทาง 76 คน มาจ​ าก​การ​เลือกต​ ั้ง​โดยตรงข​ อง​ประชาชน​จังหวัดล​ ะ 1 คน อีก 74 คน มา​จาก​
การ “สรรหา” เริ่มจ​ ากก​ ลุ่ม องค์กรต​ ่างๆ ของภ​ าคป​ ระชาชน หน่วยง​ านร​ าชการ รัฐวิสาหกิจ และ​อื่นๆ เสนอ​
ตัวแทนไ​ปใ​ห้ “คณะก​ รรมการส​ รรหา” ที่ม​ ีอ​ ยู่ 7 คน* เป็นผ​ ู้ค​ ัดเ​ลือกใ​ห้เ​หลือ 74 คน ถ้าพ​ ิจารณาใ​นแ​ ง่น​ ี้ ก็อ​ าจ​
ตีความ​ได้​ว่า รัฐธรรมนูญ​ฉบับน​ ี้​ไม่​ได้​เชื่อ​มั่น​ใน​ระบบ​เลือกต​ ั้ง​ที่​ให้การต​ ัดสิน​ใจข​ องผ​ ู้ม​ ีส​ ิทธิ์​เลือกต​ ั้งท​ ั้งหมด
จึง​ได้​กำ�หนด “ระบบส​ รรหา” มาใ​ช้​ประกอบใ​นส​ ่วนข​ อง ส.ว. ส่วนก​ าร​เลือกต​ ั้ง ส.ส. ได้ล​ ด​จำ�นวน ส.ส. ให้​
เหลือ 480 คน มา​จาก 2 ระบบ ระบบ​แบ่ง​เขตเ​ลือก​ตั้งก​ ำ�หนดใ​ห้​เป็น “แบ่ง​เขตเ​รียง​เบอร์” แทน “เขตเ​ดียว​
เบอร์​เดียว” ทำ�ให้ ส.ส. 400 คน ใน​ระบบ​นี้ มีจ​ ำ�นวน​เขตล​ ะ 1–3 คน อีก 80 คน จากร​ ะบบบ​ ัญชีร​ าย​ชื่อ ก็ใ​ห​้
รวมก​ ลุ่ม​จังหวัด​เป็น 8 กลุ่ม​จังหวัด และใ​ห้ม​ ี ส.ส. กลุ่ม​ละ 10 คน แล้วค​ ิด​คะแนนเ​สียงท​ ี่​ได้ร​ ับ​ในแ​ ต่ละ​กลุ่ม​
จังหวัด พรรคการเมืองจ​ ะส​ ่งผ​ ู้ส​ มัครร​ ับเ​ลือกต​ ั้งแ​ บบส​ ัดส่วนท​ ุกเ​ขตเ​ลือกต​ ั้ง (กลุ่มจ​ ังหวัด) หรือเ​พียงบ​ างเ​ขต​
เลือก​ตั้งก​ ็ได้ แต่​ผู้​สมัครร​ ับเ​ลือกต​ ั้ง​ต้อง​สังกัดพ​ รรคการเมืองจ​ ึงจ​ ะม​ ีส​ ิทธิ์​สมัคร​รับ​เลือกต​ ั้ง และ​ถ้า ส.ส. คน​
ใด​ถูกพ​ รรค​ขับอ​ อกจ​ าก​สมาชิกพ​ รรค ก็​ต้องอ​ ุทธรณ์ต​ ่อ​ศาล​รัฐธรรมนูญ เพื่อค​ ้านม​ ติข​ อง​พรรคท​ ี่​ขับอ​ อก แต​่
ก็อ​ าจม​ ีโ​อกาส​ที่จ​ ะห​ มด​สมาชิกภ​ าพไ​ด้ ยกเว้น​ศาล​พิพากษา​ว่าพ​ รรคเ​ป็นฝ​ ่ายผ​ ิด จึงจ​ ะม​ ีโ​อกาสห​ าพ​ รรคส​ ังกัด​
ใหม่​ภายใน 30 วัน จึงจ​ ะร​ ักษา​สมาชิก​ภาพ ส.ส. ไว้​ได้ และร​ ัฐธรรมนูญ​ฉบับ​นี้​ยัง​ยืนยัน​ว่า “บุคคล​มีหน้าท​ ี่ไ​ป​
ใช้ส​ ิทธิเ​ลือก​ตั้ง” (มาตรา 72)

       ใน​ส่วน​ของ อปท. มี​บทบัญญัติ​ให้​รัฐ​ต้อง​กระจาย​อำ�นาจ​ให้ อปท. และ​ต้อง​ให้​ความ​เป็น​อิสระ​แก่
อปท. ตาม​หลัก​แห่ง​การ​ปกครอง​ตนเอง​ตาม​เจตนารมณ์ข​ อง​ประชาชนใ​น​ท้อง​ถิ่น และใ​ห้​มี​กฎหมาย​กำ�หนด​
แผน​และ​ขั้น​ตอน​การก​ระ​จา​ยอำ�​นาจ เพื่อ​กำ�หนดการ​แบ่ง​อำ�นาจ​หน้าที่​และ​จัดสรร​ราย​ได้​ระหว่าง​ราชการ
ส​ ่วนก​ ลางแ​ ละ​ราชการส​ ่วน​ภูมิภาค กับ อปท. และ​ระหว่าง อปท. ด้วย​กันเอง และบ​ ทบัญญัติใ​ห้ส​ มาชิกส​ ภา​
ท้อง​ถิ่น และ​ผู้​บริหารท​ ้อง​ถิ่นม​ าจ​ ากก​ าร​เลือกต​ ั้งโ​ดยตรงข​ อง​ประชาชน

       ด้านข​ องก​ าร​มี​ส่วน​ร่วม​ทางการ​เมืองข​ อง​ประชาชนก​ ็​เป็นไ​ป​อย่างก​ ว้างข​ วาง ตั้งแต่​การม​ ีหน้าท​ ี่​ไป​ใช้​
สิทธิ์​เลือก​ตั้ง การ​รวมก​ ลุ่ม​กันใ​นร​ ูป​แบบต​ ่างๆ การร​ วมก​ ันเ​ป็นช​ ุมชน การ​เข้าไปร​ ่วมใ​นก​ ระบวนการ​กำ�หนด​
นโยบาย​สาธารณะ และก​ าร​ตัดสิน​ใจ​ทางการ​เมือง ไป​จนถึง​การ​เข้า​ชื่อ​กัน​เพื่อ​ถอดถอน​ผู้​ดำ�รง​ตำ�แหน่ง​ทาง

	 *ประกอบด​ ้วยป​ ระธาน​ศาลร​ ัฐธรรมนูญ ประธานค​ ณะก​ รรมการ​การเ​ลือกต​ ั้ง ประธานผ​ ู้ต​ รวจก​ ารแ​ ผ่นดิน ประธาน​กรรมการ​
ปอ้ งกนั แ​ ละป​ ราบป​ รามก​ ารท​ จุ รติ แ​ หง่ ช​ าติ ประธานก​ รรมการต​ รวจเ​งนิ แ​ ผน่ ดนิ ผพู​้ พิ ากษาใ​นศ​ าลฎ​ กี า ซึง่ ท​ ปี​่ ระชมุ ใ​หญศ​่ าลฎ​ กี าม​ อบห​ มาย
1 คน และต​ ุลาการใ​นศ​ าลป​ กครองส​ ูงสุด ซึ่งท​ ีป่​ ระชุมใ​หญต่​ ุลาการใ​นศ​ าลป​ กครองส​ ูงสุดม​ อบห​ มาย 1 คน (มาตรา 113 ของร​ ัฐธรรมนูญฯ
พ.ศ. 2550)
   78   79   80   81   82   83   84   85   86   87   88