Page 89 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 89

โครงสร้าง และสถาบันการเมืองการปกครองของไทย 5-79

​ใน​ช่วง พ.ศ. 2435–2453 และร​ ะบบ​ราชการ​ดัง​กล่าว​นี้​ก็​ดำ�รง​อยู่​ยาวนาน และ​ขยาย​โครงสร้าง​กว้าง​ออก​ไป​
มาก​ขึ้นๆ ตามล​ ำ�ดับม​ ากว่า 100 ปี โดยม​ ีค​ วาม​พยายาม​จะป​ ฏิรูป​ให้ม​ ีข​ นาดเ​ล็ก​ลง และ​ทำ�ให้ม​ ีป​ ระสิทธิภาพ​
และ​ประสิทธิผล​ใน​การท​ ำ�งาน​มาก​ขึ้น นับ​ตั้งแต่​ประกาศ​ใช้​รัฐธรรมนูญฯ พ.ศ. 2540 เป็นต้น​มา แต่​ก็​ยัง​ไม่​
ประสบ​ผล​สำ�เร็จม​ ากน​ ัก โครงสร้าง และส​ ถาบันท​ าง​ทหาร​และ​ระบบร​ าชการห​ ลายส​ ่วน เช่น ทหาร หน่วยง​ าน​
ตำ�รวจ และก​ ระทรวงม​ หาดไทย เป็นต้น ยังค​ ง​เป็นส​ ถาบันท​ างการเ​มืองท​ ี่​เข้มแ​ ข็งแ​ ละ​มี​อิทธิพล​ทางการ​เมือง​
อย่าง​สูง และ​อาจ​เข้ม​แข็ง​กว่า​พรรคการเมือง​ต่างๆ ที่​กลุ่ม​ทุน​และ​นัก​ธุรกิจ​จัด​ตั้ง​ขึ้น​เป็น​จำ�นวน​มาก​ด้วย
ดังก​ รณี​การ​เกิด​รัฐประหารว​ ัน​ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ที่​มี​ผลใ​ห้​กลุ่มท​ ุน โดย​การนำ�​ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ชินว​ ัตร อภิม​ หาเ​ศรษฐีค​ นห​ นึ่งใ​นส​ ังคมไ​ทยท​ ี่ล​ งทุนจ​ ัดต​ ั้งพ​ รรค “ไทยรักไทย” จนไ​ด้ต​ ำ�แหน่งน​ ายกร​ ัฐมนตรี
และ​ต้อง​หมด​อำ�นาจ​ทางการเ​มือง​ไป ระหว่าง พ.ศ. 2549–2554

       โครงสร้าง และ​สถาบัน​ทางการ​เมือง​ที่​เริ่ม​ปรากฏ​ขึ้น​หลัง​การ​เปลี่ยนแปลง​การเมือง​การ​ปกครอง
พ.ศ. 2475 ที่ส​ ำ�คัญ คือ รัฐธรรมนูญ พรรคการเมือง รัฐสภา และร​ ัฐบาล มีล​ ักษณะ​อ่อนแอ​มาก ทั้งใ​นด​ ้าน​
การจ​ ัดต​ ั้ง การ​จัด​องค์กร และก​ ารท​ ำ�​หน้าที่ท​ างการ​เมือง ความอ​ ่อนแอด​ ัง​กล่าว​นี้ วัด​ได้​จาก​หลายเ​กณฑ์ คือ
หนึ่ง อายุ​ของ​สถาบัน รัฐธรรมนูญท​ ั้ง 18 ฉบับ ที่ป​ ระกาศใ​ช้อ​ ยู่​ราว 79 ปี มีอายุเ​ฉลี่ยฉ​ บับ​ละ 4.31 ปี ส่วน​
รัฐบาล รัฐสภา และพ​ รรคการเมือง ก็ย​ ิ่งม​ ีอายุส​ ั้นก​ ว่าน​ ี้ม​ าก แม้แต่พ​ รรคป​ ระชาธิปัตย์ ที่อ​ ้างว​ ่าม​ ีอายุ 60 กว่าป​ ี
ก็​ต้องย​ ุติ​บทบาทท​ างการเ​มือง​ไป​เป็น​เวลาน​ านๆ หลาย​ครั้ง โดย​บางค​ รั้ง​ก็​ยุติ​ไป​กว่า 10 ปี เช่น ระหว่าง พ.ศ.
2501–2512 เป็นต้น สอง ด้าน​ของ​กฎ​ระเบียบ หรือ​การ​สร้าง​กฎหมาย กฎ​เกณฑ์ ข้อ​บังคับ​ต่างๆ และ​การ​
บังคับ​ใช้​กฎหมาย​ตาม​อำ�นาจห​ น้าที่​ของ​สถาบันแ​ ต่ละ​สถาบัน ก็พ​ บ​ว่า มีป​ ัญหาม​ าก​ที่สุด โดย​เฉพาะอ​ ย่าง​ยิ่ง
การบ​ ังคับใ​ช้​กับบ​ รรดาน​ ักการเ​มือง และผ​ ู้​ที่​ดำ�รงต​ ำ�แหน่งส​ าธารณะต​ ่างๆ ผลก​ ็ค​ ือ เกิดก​ ารบ​ ิดเบือนอ​ ำ�นาจ
(abuse of power) ไปเ​อื้อ​ประโยชน์​ต่อต​ นเองแ​ ละพ​ วกพ​ ้อง​ของค​ น​เหล่าน​ ี้​อย่าง​กว้าง​ขวาง และ​ใช้​อำ�นาจ​เพื่อ​
สร้าง​ระบบ​อุปถัมภ์​กับ​ฝ่าย​ข้าราชการ​ประจำ�​และ​ผู้​มี​สิทธิ์​ออก​เสียง​เลือก​ตั้ง​ใน​เขต​อิทธิพล​ของ​แต่ละ​คน จน​
เกิด​ระบบค​ อรัปช​ ัน (corruption systems) ขึ้นใ​นส​ ถาบัน​ทางการเ​มือง​ทุก​สถาบัน การ​ตรวจส​ อบโ​ดยก​ ลไก​
ตรวจ​สอบ​ปกติ​หลาย​ครั้ง​ได้​ปรากฏ​การ​คอรัป​ชัน​ใน​หน่วย​งาน​ต่างๆ หลาก​หลาย​รูป​แบบ โดย​มี​นักการ​เมือง
ข้าราชการ และ​พวก​พ้อง​มี​ส่วน​เกี่ยวข้อง​ทั้ง​โดยตรง​และ​โดย​อ้อม และ​การ​ตรวจ​สอบ​โดย​กลไก​พิเศษ​หลัง​
การ​รัฐประหาร​หลาย​ครั้ง หรือ​ด้วย​กลไก​พิเศษ​ต่างๆ ก็​พบ​ว่า นักการ​เมือง​ระดับ​สูง​มี​ทรัพย์สิน​เพิ่ม​ขึ้น​อย่าง​
ผิด​ปกติ เช่น กรณี​จอมพ​ ล​สฤษดิ์ ธนะ​รัชต​ ์ จอมพล​ถนอม กิตติ​ขจร และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินว​ ัตร สองร​ ายแ​ รก​
ได้ม​ ี​คำ�​สั่งย​ ึด​ทรัพย์สิน​เข้า​เป็น​ของ​รัฐ​ราว 400–600 ล้าน​บาท ส่วน​ราย​ที่ส​ าม ศาล​รัฐธรรมนูญไ​ด้พ​ ิพากษา​ใน​
วันท​ ี่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ให้ย​ ึดท​ รัพย์สิน​ตก​เป็น​ของ​รัฐ​มีม​ ูลค่าก​ ว่า 42,000 ล้าน​บาท และ​สาม ในเ​ชิง​
ของ​อำ�นาจ​และอ​ ิทธิพลเ​มื่อ​เปรียบเ​ทียบ​กับส​ ถาบัน​ทางการเ​มืองอ​ ื่นท​ ี่​มีล​ ักษณะ​เป็น “คู่แ​ ข่ง” หรือ “ฝ่ายต​ รง​
ข้าม” ในท​ ี่​นี้ ก็ค​ ือ องค์กร​ทหารแ​ ละร​ ะบบ​ราชการ ความส​ ำ�เร็จ​ของก​ าร​รัฐประหาร​ถึง 10 ครั้ง ในร​ อบ 75 ปี
ระหว่าง พ.ศ. 2475–2549 หรือเ​ฉลี่ย 7.5 ปีต​ ่อค​ รั้ง แสดงถ​ ึง​ความ​เข้มแ​ ข็ง​และอ​ าจ​มีค​ วาม​ชอบ​ธรรม​มากกว่า​
ของฝ​ า่ ยท​ หารแ​ ละร​ ะบบร​ าชการ และก​ ารร​ ฐั ประหารย​ งั เ​ปน็ การท​ �ำ ลายห​ รอื ล​ ดค​ ณุ คา่ ข​ องส​ ถาบนั พ​ รรคการเมอื ง
รัฐสภา และ​รัฐบาล​ลง​โดยตรง
   84   85   86   87   88   89   90   91   92   93   94